การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ระลอก 3 ที่คุมไม่ได้ เดาไม่ออก ขณะเศรษฐกิจไทย ถูกล็อกดาวน์ยืดเยื้อ ล่วงเลยถึงไตรมาส 3 หรือ ช่วงครึ่งหลังของปี สถานการณ์เข้าใกล้สู่สมมุติฐาน Worst Case หรือ กรณีเลวร้ายสุด เพราะไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายใน 3 เดือน
โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เคยคาดการณ์ไว้ว่า จะทำให้จีดีพีประเทศ หายไปมากกว่า 1 แสนล้านบาท ต่อเดือน ประเมิน 3 เดือน จีดีพีหดตัวถึง -1.86% ซึ่งบาดแผลที่ตามมา คือ อัตราการว่างงานสูงขึ้น, หนี้ครัวเรือนทะลุชนเพดาน 92.5% ต่อจีดีพี ส่วนการบริโภคภาคประชาชนเข็นไม่ขึ้น
ในแง่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 นับเป็นไทม์ไลน์สำคัญของการดำเนินธุรกิจ จากแรกเริ่ม ต่างประเมินร่วมกันว่า เศรษฐกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ทัน ผู้ประกอบการ เก็บหมัด-ตุนกระสุน เตรียมแผนเปิดโครงการบ้าน-คอนโดมิเนียมใหม่จำนวนมาก ซึ่งเจาะเฉพาะไตรมาส 3 (มิ.ย.-ส.ค.) จาก 10 บริษัทชั้นนำ พบมีโครงการรอเปิดตัวใหม่ทั้งสิ้น 61 โครงการ มูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท
ท่ามกลางปัจจัยกังวลหลัก ลูกค้ากลุ่มใหญ่ ภาคบริการ-ท่องเที่ยว- ธุรกิจร้านอาหาร-กลุ่มฟรีแลนซ์-และมนุษย์เงินเดือนบางส่วน รายได้ยังไม่กลับมา หน่ำซ้ำ แผนการผลิต เรื่องคำสั่งปิดแคมป์ หยุดก่อสร้าง ส่งแรงกระเพื่อม ฉุดสร้างเสร็จไม่ทันโอน สถาบันการเงิน แพ่งเล็งความเปราะบาง 2 ขา ทั้งสินเชื่อรายย่อย และกลุ่มผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ ‘ฐานเศรษฐกิจ’ ตรวจสอบความมั่นใจ แนวโน้มการรับมือ และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ฝ่าแรงต้านเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง ของ 5 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ พบส่วนใหญ่ ยังคงเดินหน้า เชื่อมั่นในแผนธุรกิจ และเป้าหมายรายได้สำคัญทั้งปี
โดยบริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กับแผนเปิดโครงการสูงสุด ในปีนี้ที่ 34 โครงการ 4.3 หมื่นล้านบาท มีความท้าทายไม่น้อย แต่มือขวาคนสำคัญอย่าง นายวิทการ จันทวิมล เชื่อมั่นว่า บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ฟังก์ชั่นดี แพ็กเกจราคาคุ้มค่ายังไปได้ ส่วนแนวสูง อยู่ในสภาวะรอฟื้นตัว ดีมานด์ตามเศรษฐกิจ โดยโครงการใหม่พร้อมอยู่มักได้รับความสนใจมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ยอดขายรายได้ยังเติบโตดี ณ 15 มิ.ย. อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ส่วนผลกระทบปิดก่อสร้าง จะบริหารจัดการ ให้เกิดผลกระทบน้อยสุด โดยคาดหน่วยรอโอนฯ ทั้งคอนโดฯและแนวราบ จะไม่กระทบมากนัก ควบคู่กับเปลี่ยนกลยุทธ์ การขายไปสู่ นัดหมายแบบ Private Tour จึงยืนเป้ารายได้ที่ 4.31 หมื่นล้านบาท
ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย เผย ว่า การปิดแคมป์ กระทบพื้นที่ก่อสร้าง 2 ใน 3 ของพอร์ตโครงการใหม่ทั้งหมด แต่ 30% ในต่างจังหวัด ยังสามารถเดินหน้าได้ไม่มีปัญหา ส่วนภาพรวม คงต้องรอประเมินผลกระทบ ภายใต้มาตรการ 1 เดือน ก่อนพิจารณาแผนงานใหม่ โดยเฉพาะบรรยากาศการซื้อ-ขายของตลาด
อย่างไรก็ตาม กลับมีความมั่นใจ ในแง่โปรดักส์สินค้าในปีนี้ หลังช่วงครึ่งแรกของปี ทยอยเปิดโครงการแนวราบใหม่หลายโครงการ พบยอดขายเติบโตดี ครึ่งปีแรกยังเป็นไปตามเป้าหมาย (ทั้งปี 2.7 หมื่นล้านบาท) ส่วนยอดปฎิเสธสินเชื่อ แนวโน้มดีขึ้น คาดเนื่องจาก ลูกค้าเล็งเห็นโอกาส ช่วงขาลงของราคา และมองหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมให้ตนเอง บริษัทเน้นแนวราบ ราคา 3-7 ล้านบาท กำลังซื้อไปได้ ส่วนคอนโดฯ ที่อยู่ระหว่างโอนฯ 3 โครงการ ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร, ศุภาลัย ริวา แกรนด์ และศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ คาดแผนรับรู้รายได้กระทบเล็กน้อย
บมจ.ออริจิ้น ซึ่งมีแผนเปิดโครงการ ไตรมาส 3 ราว 5 โครงการ มูลค่า 4.6 พันล้านบาท นายพีระพงศ์ จรูญเอก ซีอีโอใหญ่ ยอมรับ ช่วงครึ่งปีหลังอสังหาฯยังต้องจับตาดูสถานการณ์ภาพรวมของประเทศอย่างใกล้ชิด เช่น มาตรการควบคุมโรค, การเยียวยา, แผน กระจายฉีดวัคซีน ซึ่งหากรัฐบาลดำเนินการได้ดี จะช่วยให้เศรษฐกิจและอสังหาฯได้อานิสงส์ไปด้วย
อย่างไรก็ดี พร้อมเดินหน้ารับมือและเปิดโครงการตามแผน โดยเฉพาะกลุ่มบ้านจัดสรร ไฟท์ติ้งแบรนด์ ‘บริทาเนีย’ และคอนโดฯแบรนด์ใหม่กลุ่ม 2 -3 ล้าน ‘ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์’ จับวัยทำงาน ควบคู่การทำแคมเปญราคา และเปิดช่องขายด้วยคริปโทเคอร์เรนซี จะเป็น Key Success หนุนเป้ายอดขาย 2.9 หมื่นล้านบาท และรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาท
ขณะ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท ซึ่งท้าทายกับปัญหาการก่อสร้าง และแรงงานที่ถูกสั่งหยุดไป พบในช่วงครึ่งปีหลัง มีกำหนดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ 7 โครงการ มูลค่าอย่างต่ำ 4 พันล้านบาท นายปิยะ ประยงค์ บอสใหญ่ เตรียมแผนแก้ปัญหาด้วยการจ้างคนไทยนอกแคมป์ เข้ามาทำงานต่อ หากได้รับการปลดล็อก แง่การขาย
พบยังเดินหน้า กระตุ้นลูกค้าต่อเนื่อง เช่น #พฤกษาจัดให้ เงินเดือน 20,000 บ. ก็ซื้อบ้านได้ ควบคู่ ‘อยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน’ จับมือพันธมิตร เอไอเอส นำโครงการพร้อมอยู่ 120 แห่งเข้าร่วม ขณะปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 29 โครงการ 2.6 หมื่นล้าน ตั้งเป้ารายได้ 3.2 หมื่นล้าน
ส่วน บมจ.แสนสิริ นายเศรษฐา ทวีสิน ยืนยัน ไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง ครึ่งปีหลัง บริษัทมีสินค้าแล้วเสร็จพร้อมโอนร่วม 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับสถานการณ์ โดยคาดหวังดีมานด์ลูกค้าทั้งคอนโดฯและแนวราบ ในพื้นที่ กทม.- ปริมณฑล และเมืองท่องเที่ยว รอขายรวม 57 โครงการ
จับตาแคมเปญ #ของดีมีน้อย ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ “Speed to Market” แง่กำลังซื้อที่อ่อน เมื่อประเมินจากเซกเม้นท์โครงการเปิดใหม่ของแสนสิริปีนี้ พบมักเน้นตลาดกลาง-ล่าง 75% ของพอร์ต ตั้งแต่คอนโดฯ แบรนด์ เดอะมูฟ 1 ล้านต้นๆ และโครงการขนาดเล็ก ปิดการขายได้เร็ว เพื่อหมุนเป็นกระแสเงินสด ตามเป้า 3.1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ธปท. รายงาน ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบสถาบันการเงินยังคงระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ จากหนี้ครัวเรือนและกังวลผลกระทบโควิด โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กับกลุ่มลูกค้าใหม่ และธุรกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว แม้จะพบบางจังหวะความต้องการสูงก็ตาม
หน้า 20 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,694 วันที่ 4 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2564