นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (สมาคมฯ) ได้ตัดสินใจเลื่อนการจัดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021” จากเดิมจะจัดในเดือนสิงหาคม ไปเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือสมาชิกสมาคมฯ จึงได้จัดงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 ในรูปแบบ Virtual Online Exhibition เน้นสร้าง Data Base ผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านกลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้นโดยจะกำหนดการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม - 6 กันยายน 2564 นี้ ขึ้นมาก่อน
ซึ่งคาดหวังว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นนี้จะกระตุ้นการตลาดและการขายก่อนการจัดงานในช่วงปลายปี ขณะเดียวกันผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวกต่อการเข้าชม ป้องกันการระบาดของโรคระบาด โดยเฉพาะโควิด-19 อีกทั้งยังสร้างมิติใหม่ช่วยให้ภาพลักษณ์ของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมีความทันสมัยมากขึ้น รวมถึงกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านต่างจังหวัด จะมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาคมฯ ได้มากขึ้นเช่นกัน
การแทรกช่องว่างด้วยการจัดกิจกรรมผ่านงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 ก่อนการจัดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021” นั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการสำรวจและทำแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคจำนวนกว่า 400 ราย พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านมากถึง 72% ส่วนที่เหลือ 28% ไม่มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้าน ข้อมูลดังกล่าวคาดว่าเป็นกลุ่มบ้านราคาแพงซึ่งตลาดยังพอไปได้ต่างจากบ้านขนาดเล็กหรือตลาดทั่วไป (Mass) ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านมาก ด้วยเหตุนี้อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านที่เดิมเน้นตลาดทั่วไป (Mass) ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ได้ขยับมาจับตลาดบ้านราคาแพงตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
เมื่อถามว่าต้องการจะปลูกสร้างบ้านพร้อมเข้าอยู่ใช้เวลาในการปลูกสร้างกี่ปีนั้น พบว่าพร้อมปลูกสร้างไม่เกิน 6 เดือนคิดเป็นสัดส่วน 24% และใช้เวลามากกว่า 6 เดือนถึง 2 ปีคิดเป็นสัดส่วน 65% และ ใช้เวลา 2-3 ปี คิดเป็นสัดส่วน 11% ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการสร้างบ้านส่วนใหญ่ จะไปสร้างบ้านในปี 2565- 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะคลายตัวลงแล้ว
ส่วนทำเลที่เลือกปลูกสร้างบ้านนั้น 3 ทำเลที่ต้องการปลูกสร้างมากสุดคือ อันดับหนึ่งยังเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑลคิดเป็นสัดส่วน 37% อันดับสองและอันดับสามคือ ภาคกลาง และภาคใต้ คิดเป็นสัดส่วน 18% จากสัดส่วนนี้แสดงให้เห็นว่าความต้องการของลูกค้ากลุ่มรับสร้างบ้านกว่า 55% ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงภาคกลาง
พร้อมกันนี้นายวรวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า จากแบบสอบถามที่ได้จากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านกับบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ถึง 84.2% นั้นสะท้อนภาพได้ว่าผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่น ดังนั้น สมาคมฯ จึงปรับปรุงช่องทางการเข้าถึงระหว่างสมาชิกกับผู้บริโภคผ่านทางเว็บไซต์ของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านคือ www.hba-th.org เพื่อให้เว็บไซต์ของสมาคมฯ เป็นศูนย์กลางให้กับผู้ที่สนใจจะสร้างบ้านได้เข้ามาหาข้อมูลและเข้าถึงแบบบ้านต่างๆ พร้อมโปรโมชั่นของสมาชิกของสมาคมได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น อีกทั้งมีการโปรโมทเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกและผู้บริโภค
“ปี 2564 เป็นอีกปีที่ภาคธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้านทำให้บริษัทต่างๆ ต้องปรับตัวกัน แต่หากคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่อยู่ภาคธุรกิจคงเหนื่อยอีกยาว ส่วนผู้บริโภคที่เดิมคิดจะปลูกสร้างบ้านก็ต้องชะลอออกไป ” นายวรวุฒิ กล่าวให้ความเห็นในตอนท้ายว่า ในเดือนกรกฎาคม 2564 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีขึ้น มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 หมื่นคนต่อวัน ทางสมาคมฯ คงต้องดูสถานการณ์การระบาด พร้อมกับมาตรการของรัฐบาลที่จะมีการประกาศออกมาแบบวันต่อวัน เพื่อนำมาประเมินสถานการณ์ในการทำกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมต่อไป