นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า จากวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด ORIGIN NEXT LEVEL บริษัทได้สานต่อการดำเนินธุรกิจด้าน Business Expansion ขยายความร่วมมือใหม่ (New Collaboration) ในกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ภายใต้บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ด้วยการร่วมทุน (Joint Venture) กับบริษัท โตคิว แลนด์ เอเชีย จำกัด ในเครือโตคิว แลนด์ คอร์เปอเรชั่น หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วนการลงทุน 51:49 เพื่อพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสภายใต้ชื่อ วัน พญาไท (One Phayathai) มูลค่า REIT กว่า 3,600 ล้านบาท
“โตคิว แลนด์ เอเชีย ถือเป็นพันธมิตรยักษ์ใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งทั้งด้านเงินทุน โนว์ฮาว ตลอดจนประสบการณ์อันยาวนานในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภททั้งในญี่ปุ่นและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกันกับเราในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เพื่อสร้างอีโคซิสเท็มแห่งการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดเพื่อผู้บริโภค ความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน ทั้งด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม และจะเป็นบันไดก้าวสำคัญของทั้ง 2 บริษัทในการสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตแบบ Next Level ให้แก่ผู้บริโภค” นายพีระพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท โตคิว แลนด์ เอเชีย จำกัด เป็นบริษัทพัฒนาและลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเครือโตคิว แลนด์ คอร์เปอเรชั่น หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่นที่สั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน 67 ปี ภายใต้การดำเนินธุรกิจของโตคิว ฟูโดซัง โฮลดิ้ง คอร์เปอเรชั่น บริษัทยักษ์ใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น ซึ่งติดหนึ่งในบริษัทดัชนี Nikkei 225 มีมูลค่าทรัพย์สิน ณ สิ้นปีงบการเงินล่าสุดของญี่ปุ่น (31 มี.ค.64) ประมาณ 2,652,000 ล้านเยน หรือราว 790,000 ล้านบาท โดยการพิจารณามาร่วมทุนกับออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมั่นใจของบริษัทยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศต่อทั้งตัวออริจิ้นและการลงทุนในประเทศไทย
ด้านนายมาซาโอกิ คาเนมัตซึ (Mr.Masaoki Kanematsu) *กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตคิว แลนด์ เอเชีย จำกัด ณ ขณะที่ดำเนินการร่วมทุน กล่าวว่า การร่วมทุนพัฒนาโครงการวัน พญาไท ในครั้งนี้ ถือเป็นการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยครั้งแรกของบริษัทหลังจากพิจารณามองหาพันธมิตรที่เหมาะสมและมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับพันธมิตรด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือเช่นเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทมุ่งหวังว่าการร่วมทุนในครั้งนี้จะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน และเป็นรากฐานสำคัญสู่การมองหาโอกาสสร้างความร่วมมือในธุรกิจด้านอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจพลังงานทดแทน รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่สามารถสร้างการเติบโตในอนาคตในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างประเทศไทย
สำหรับโครงการวัน พญาไท เป็นโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) สูง 31 ชั้น 1 อาคาร บนพื้นที่ 1-3-0 ไร่ ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองติดกับโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (Park Origin Phayathai) พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด ‘’ONE STEP JOURNEY’’ เป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตภายในโครงการ เพียง 1 ก้าว จากส่วนคอนโดที่พักอาศัย อีกทั้งเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่จะมีแบรนด์โรงแรมระดับโลก 2 แบรนด์ภายในอาคารเดียวกัน แบรนด์แรกคือ Hotel Indigo ซึ่งเป็นโรงแรมในคอนเซ็ปต์บูทีคโฮเทล ที่มีห้องพัก 210 ห้อง และอีกหนึ่งซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีอย่าง Holiday Inn Express ซึ่งมีห้องพัก 202 ห้อง
โดยทั้งสองแบรนด์ภายใต้เครือ IHG Hotels & Resorts โครงการนี้จึงสามารถมอบประสบการณ์โรงแรมที่แตกต่างให้กับทั้งนักเดินทางที่มาเพื่อการท่องเที่ยวและนักเดินทางที่เดินทางมาเพื่อติดต่อธุรกิจในย่านใจกลางเมือง
นอกจากนี้ ภายในอาคารยังประกอบด้วย พื้นที่เชิงพาณิชย์สำหรับร้านค้าและอาคารสำนักงาน 2,200 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมพื้นที่ใช้สอยกว่า 26,880 ตารางเมตร เพียง 200 เมตรจากรถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ BTS สายสีเขียวและแอร์พอร์ต เรลลิงก์ สถานีพญาไท สามารถเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ และสนามบินนานาชาติดอนเมือง วางแผนเริ่มก่อสร้างไตรมาส 3/2564 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2566 ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ COVID-19 น่าจะคลี่คลายลงแล้ว
ทั้งนี้ โครงการวัน พญาไท ได้ออกแบบภายใต้การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบโครงการ โดยมีการออกแบบส่วนพื้นที่สีเขียวด้านหน้าโครงการอย่างเหมาะสม และมีการเพิ่ม green façade ของโครงการในแนวตั้ง ซึ่งทำให้ลดความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร รวมถึงมีการออกแบบพื้นที่ช่องเปิดของอาคารให้มีขนาดเพียงพอให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวอาคาร ซึ่งช่วยลดความร้อนที่เกินความจำเป็นและยังช่วยประหยัดการใช้พลังงานภายในอาคาร มีการคำนึงถึงการลดมลพิษของพื้นที่จอดรถของโครงการ โดยการออกแบบที่จอดรถอัตโนมัติในส่วนพื้นที่เหนือพื้นดิน และโครงการมีการใช้วัสดุก่อสร้างที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นวัสดุที่มีค่าสะท้อนแสงน้อย เพื่อเป็นมิตรกับชุมชนรอบโครงการ