นางสาววรางคณา อัครสถาพร ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า ผลประกอบการรอบ 6 เดือนของปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ 1,046 ล้านบาท เติบโตขึ้น 227% จากรอบ 6 เดือนของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิฯ 320 ล้านบาท กำไรสุทธิฯ เฉพาะไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 662 ล้านบาท โตขึ้น 156% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิฯ 258 ล้านบาท และโตขึ้น 72% จากไตรมาสแรกที่มีกำไร 384 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 8.2% โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและโตขึ้นจากไตรมาสแรกที่มีอัตรากำไรสุทธิ 5.6% ความสามารถในการทำกำไรฯ เพิ่มขึ้น จากประสิทธิภาพการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ Speed to Market และแผนความพร้อมในการปรับตัวรองรับทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
ขณะที่รายได้รวมในรอบ 6 เดือน อยู่ที่ 14,868 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้รวมในช่วงไตรมาสแรก 6,827 ล้านบาท และรายได้รวมไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 8,042 ล้านบาท โตขึ้น 18% นอกจากนี้ แสนสิริยังมีผลงานยอดขายที่โดดเด่น โดยในช่วง 7 เดือน สร้างยอดขายรวมไปได้ถึง 20,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 70% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบถึง 13,700 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมอีก 6,900 ล้านบาท สัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบพุ่งเป็น 67% รวมทั้งมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 18,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 60% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 55 : 45
โดยครึ่งปีหลังบริษัทยังเตรียมโอนคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา และ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ – รังสิตรองรับการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ 27,600 ล้านบาท โดยล่าสุด แสนสิริมี Secured Revenue หรือรายได้ในมือที่รองรับแล้วถึง 22,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82% เหลืออีกเพียง 18% เท่านั้น ก็จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้อย่างแน่นอน
กุญแจสำคัญ ซึ่งจะผลักดันสู่ผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลังคือการบริหารเงินสดในมือที่ดี (Cash is King) ที่จะส่งผลให้แสนสิริเป็นองค์กรที่มีสภาพคล่องสูงและมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ โดยล่าสุดแสนสิริมีสภาพคล่องในมือรวม 17,000 ล้านบาท ที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจและมีความแข็งแกร่งในทุกสภาวการณ์ พร้อมพรีเซลล์ แบ็กล็อก มูลค่าอีกกว่า 24,400 ล้านบาท ที่จะพร้อมรับรู้รายได้อย่างมั่นคงระยะยาวในถึงอีก 3 ปี