13 ก.ย. 64) – นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เวลานี้ มองเห็นสัญญาณบวกที่เริ่มปรับฟื้นตัวกลับหลังคลายล็อกดาวน์ แม้ช่วงที่ผ่านมาการแพร่ระบาดโควิด – 19 อาจทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจไปบ้าง แต่ขณะเดียวกันเราพบว่ามีลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยหลังใหม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ 8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมได้มากถึง 23,300 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากสินค้าบ้านเดี่ยว 12,400 ล้านบาท หรือโตกว่า 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 9,100 ล้านบาท นับเป็นการสร้างการเติบโตด้านยอดขายที่แข็งแกร่งและโดดเด่นท่ามกลางสภาวะตลาดผันผวนเช่นนี้
จุดแข็งของสินค้าบ้านเดี่ยวเอพีที่โดดเด่น นอกเหนือจากทำเลและแพ็คเกจราคาที่สอดรับกับดีมานด์ลูกค้าในแต่ละย่านแล้ว ยังรวมถึงการผนวกประสบการณ์และการไม่หยุดพัฒนาโมเดลบ้าน ภายใต้แนวคิด ‘HYBRID LIVING’ นวัตกรรมบ้านที่เข้าใจชีวิต ที่ตอบรับเทรนด์ HOMEBODY หรือการใช้ชีวิตติดบ้านในวิถีใหม่ ทั้งพื้นที่ใช้สอยในบ้านและพื้นที่ส่วนกลาง ที่ตอบโจทย์สมาชิกในครอบครัวกับการทำทุกกิจกรรมในบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกโครงการบ้านเดี่ยวเครือเอพี จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ตามพันธกิจใหญ่ ‘EMPOWER LIVING’ ที่มุ่งส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ ตอบอินไซต์การอยู่อาศัยของลูกค้าครอบครัวในวิถีใหม่ทั้งวันนี้และอนาคต
“ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาบ้านเดี่ยวเครือเอพี มียอดลูกค้าเยี่ยมชมโครงการผ่านการนัดหมายล่วงหน้าทางระบบออน์ไลน์ เฉลี่ย 385 ครอบครัว / สัปดาห์ นับเป็นกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถประกาศปิดการขายไปได้ทั้งสิ้น 6 โครงการ โดยมีโครงการไฮไลท์ เช่น THE PALAZZO ศรีนครินทร์, THE CITY สาทร - สุขสวัสดิ์ และ CENTRO สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ ที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายโดดเด่น และในไตรมาส 4 นี้ คาดว่าจะสามารถทยอยปิดการขายเพิ่มได้อีก 8 โครงการ” นายรัชต์ชยุตม์ กล่าวเสริม
ดังนั้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างมั่นคง ย้ำตำแหน่งผู้นำบ้านเดี่ยวในเมือง ที่พร้อมรองรับความต้องการซื้อของลูกค้า เดือนกันยายนนี้เอพีพร้อมเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการใหม่เพิ่มจำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,020 ล้านบาท โดยมุ่งกระจายไปหลากหลายทำเลขายดี เพื่อเติมเต็มช่องว่างของโครงการเดิมที่ปิดการขายไปแล้ว และเพื่อสร้างโอกาสความได้เปรียบในการแข่งขันที่มากขึ้น รวมไปถึงการรุกขยายพอร์ตในเซ็กเมนต์ซูเปอร์ลักชัวรี่ ด้วยแบรนด์ระดับมาสเตอร์พีชระดับตำนานอย่าง ‘บ้านกลางกรุง’ ที่จะกลับมาปักธงในทำเลหรูใจกลางเมืองอีกครั้ง
บ้านเดี่ยวเอพี 5 โครงการใหม่ ที่พร้อมเปิดขายเดือนกันยายนนี้ มูลค่ารวม 7,020 ล้านบาท เริ่มด้วย
(1) บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์-พระราม 3 มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท บนพื้นที่ดิน 2 ไร่ บ้านเดี่ยวสุดหรู 3 ชั้น แบรนด์ระดับตำนาน โดดเด่นด้วยการดีไซน์สถาปัตยกรรมในบริบทความโมเดิร์นในวิถีใหม่ พร้อมสเปซฟังก์ชั่นขนาดใหญ่ ตอบรับการใช้ชีวิตของสมาชิกทุกช่วงวัย ทั้งพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ของครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์ มอบความเป็นส่วนตัวใจกลางเมืองด้วยเอกสิทธิ์เพียง 13 ครอบครัวเท่านั้น หนึ่งเดี่ยวบนทำเลย่านสาธุประดิษฐ์ ราคา 35-60 ล้านบาท
(2) THE CITY ปิ่นเกล้า-บรมฯ 2 มูลค่าโครงการ 2,060 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 48 ไร่ บ้านเดี่ยวหรูหลังใหญ่ จำนวนเพียง 105 หลัง ดีไซน์ทันสมัยระดับไฮเอนด์ ฟังก์ชั่นใหญ่ พร้อมกับการออกแบบที่ลงตัวด้วย Double Volume เพดานสูงเพิ่มความปลอดโปร่งให้กับผู้พักอาศัย บนทำเลศักยภาพบรมราชชนนี ราคา 18.9-29 ล้านบาท
(3) THE CITY รามอินทรา-วงแหวน มูลค่าโครงการ 1,270 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 34 ไร่ บ้านเดี่ยวสองชั้นสุดหรู จำนวน 108 หลัง ราคา 15.99 - 21 ล้านบาท
(4) CENTRO วิภาวดี มูลค่าโครงการ 2,090 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 56 ไร่ บ้านเดี่ยวดีไซน์สไตล์โมเดิร์น พื้นที่ใหญ่ 193-274 ตร.ม. ฟังก์ชั่นครบ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ทำเลเมือง บนถนนวิภาวดี จำนวน 233 หลัง ราคา 8.99 - 12 ล้านบาท
(5) CENTRO ราชพฤกษ์ 345 มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ตั้งอยู่บนขนาดที่ดิน 42 ไร่ บ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่ ฟังก์ชั่นใหญ่ จำนวน 187 หลัง พื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 274 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ พร้อม Home Automation ทั้งหลัง บนทำเลติดถนนใหญ่ 345 ราคา 5.99 - 12 ล้านบาท
“แม้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะท้าทายอย่างมาก แต่ด้วยความตั้งใจในการพัฒนาและส่งมอบบ้านเดี่ยวทุกโครงการในเครือเอพี รวมถึง 5 โครงการใหม่ที่พร้อมในการเปิดตัวเดือนกันยายนนี้ ภายใต้แนวคิดที่เป็นจุดต่าง HYBRID LIVING นวัตกรรมบ้านที่เข้าใจชีวิต โดยเฉพาะตอบโจทย์เทรนด์ HOMEBODY การใช้ชีวิตติดบ้านท่ามกลางสถานการณ์โควิด – 19 ที่พร้อมจะเอ็มพาวเวอร์การอยู่อาศัยของสมาชิกทุกคนในบ้าน พร้อมสเปซฟังก์ชันที่ตอบสนองการอยู่อาศัยร่วมกันในวิถีใหม่ของสมาชิกในครอบครัวได้ไม่จำกัดทั้ง เพศ วัย ไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ความต้องการพื้นที่ส่วนตัว และพื้นที่ส่วนรวมภายในบ้านหนึ่งหลังได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ ผนวกกับการเพิ่มมิติความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการดีไซน์พื้นที่ในบ้านและพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ และสุดท้ายคือ การเฟ้นหาโลเคชั่นโครงการที่ดีที่สุดในย่าน ในแพ็คเกจราคาขายที่จับต้องได้จริง โดนใจกับดีมานด์ในแต่ละย่าน ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่นตามเป้าหมาย ทั้งในมิติการขายและการโอนกรรมสิทธิ์อย่างแน่นอน” นายรัชต์ชยุตม์ กล่าวสรุป