แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะมีการชะลอตัวจากวิกฤติโควิด-19 แต่ด้วยที่อยู่อาศัยยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่เป็นพื้นฐานสำคัญและตลาดยังคงมีดีมานด์อยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรายใหญ่ของตลาด อย่าง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ยังคงเดินหน้าธุรกิจอย่างมุ่งมั่น ผ่านเป้าหมาย ปี 2564 เปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ 29 โครงการ มูลค่า 26,630 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 17 โครงการ บ้านเดี่ยว 8 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ
ขณะตั้งเป้ายอดขาย และรายได้ ปี 2564 ที่ 32,000 ล้านบาท นับเป็นการวางอัตราการเติบโตจากปีก่อนถึง 45% และ 9% ตามลำดับ ซึ่งภายหลังประกาศ รีแบรนด์ โปรดักส์สำคัญ 'บ้านพฤกษา' ครั้งใหญ่ในรอบ 28 ปี เพื่อย้ำเบอร์ 1 ในตลาดทาวน์โฮม ราคา 1-3 ล้านบาท ด้วยการปรับโลโก้ และปรับโฉมออกแบบบ้านใหม่ เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์การใช้ชีวิตในอนาคต ของกลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรก พร้อมกับความสำเร็จในรอบครึ่งปีแรก 2564 จากยอดขายรวม 14,165 ล้านบาท เติบโต 48% และมีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ 13,222 ล้านบาท ขณะกำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,034 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งปีหลัง พบ บมจ.พฤกษา เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดโครงการใหม่ และการหาช่องทางการขายใหม่ๆ ให้ครอบคลุมกับความสนใจของลูกค้า รวมถึงแคมเปญกระตุ้นการขาย ที่ใช้กลยุทธ์ต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกับการจับมือกับพันธมิตรต่างวงการ เพื่อสร้างมิติใหม่ของแบรนด์
ทั้งนี้ บิ๊กบอส นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เผยว่า โลกในทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่แทบจะตลอดเวลา ยิ่งเมื่อมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม การเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ ๆ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการอุบัติของโรคระบาด ก็ยิ่งส่งให้โลกหมุนเร็วขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์ของคนเราเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างเห็นได้ชัด “บ้าน” กลายมาเป็นพื้นที่หลักที่ต้องรองรับไลฟ์สไตล์อันแตกต่างและหลากหลายของสมาชิกในครอบครัวแต่ละคน ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงเข้านอน ดังนั้นเพื่อรองรับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ของลูกค้าที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พฤกษาเล็งเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการดึงพันธมิตรหลากหลายวงการที่มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่าง โดยนำจุดแข็งและบริการของแต่ละองค์กร มาเป็นจิ๊กซอร์เติมเต็มวิชชั่นให้สมบูรณ์
พฤกษา ในฐานะผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย จึงใช้ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยในการเตรียมความพร้อมให้กับผู้บริโภคให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกล่วงหน้า ด้วยการสร้างความร่วมมือ (Synergy) โดยดึงพันธมิตรหลากหลายวงการเข้ามาช่วยเสริมความแกร่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่กำลังเปลี่ยนไป
โดยให้ความสำคัญเพื่อรองรับ 3 ด้านหลักๆ ได้แก่ วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังโควิด-19, ความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และสังคมสูงวัยในไทย
ปรับดีไซน์เพื่อรองรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่หลังจากวิกฤตโควิด-19 (New Normal After Covid-19 Pandemic) ร่วมกับ ห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยกห้างมาที่บ้าน ง่ายเพียงปลายนิ้วคลิก สถานการณ์การแพร่ระบาดใหญ่ไปทั่วโลกได้ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมอย่างรุนแรง และพฤติกรรมบางส่วนจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถาวรและกลายเป็นการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่ผู้คนจะใช้เวลาอยู่ในบ้านกันมากขึ้น โดยเฉพาะการทำงานที่บ้าน (Work From Home) การเรียน การพักผ่อน เป็นต้น นอกจากการปรับเปลี่ยนดีไซน์เพิ่มความยืดหยุ่นในแนวคิดการออกแบบบ้านเพื่ออนาคต ด้วยการเพิ่มพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย รองรับทุกมิติแห่งการใช้ชีวิตสำหรับทุกเจเนอเรชั่นแล้ว
นายปิยะ ระบุว่า เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างความร่วมมือที่เกิดขึ้นกับกลุ่มพันธมิตรที่หลากหลาย ซึ่งจะมีอีกเพิ่มเติมขึ้นอีกในอนาคต เพราะการเปลี่ยนแปลงอาจเป็นสิ่งที่เรานึกไม่ถึง พฤกษาจึงนำแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ มาเป็นโจทย์สำคัญในการออกแบบบ้านภายใต้แนวคิด‘ใส่ใจ..เพื่อทั้งชีวิต Tomorrow. Reimagined. และนำจุดแข็งของพันธมิตรแต่ละองค์กรมาผสานความร่วมมือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับลูกค้าให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น รองรับวิถีชีวิตความต้องการไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ยังตอบโจทย์และสร้างความสุขให้ทุกชีวิตในวันพรุ่งนี้ เพื่อการใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของทุกคน