16 พ.ย.2564 - นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่า 223,614 ล้านบาท เติบโต 7%
โดยตลาดบ้านเดี่ยวเติบโตสูงขึ้นอย่างชัดเจนถึง 30% ในขณะที่เซกเมนต์อื่นยังติดลบ หรือทรงตัว ส่วนสินค้าคงค้าง (Inventory) ในตลาดฯ มีจำนวน 204,199 ยูนิต ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
พฤกษา 9 เดือน ยอดขายโต 24%
สำหรับสถานการณ์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมายังค่อนข้างมีความกดดัน มีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจและการล็อกดาวน์ ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดโครงการออกไป แต่ภาพรวมผลประกอบการยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
โดยสามารถทำยอดขาย 9 เดือนแรกได้ 20,067 ล้านบาท เติบโต 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำรายได้ 19,192 ล้านบาท ใกล้เคียงกับในช่วงเดียวกันที่ของที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 1,364 ล้านบาท โดยสามารถลดสินค้าคงค้างลงไปได้ถึง 57% จากปีก่อน และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่ 22,958 ล้านบาท
" ผลประกอบการ ไตรมาส 3 ค่อนข้างท้าทาย เพราะได้รับผลกระทบจากล็อกดาวน์ รายได้เติมเข้าน้อยกว่า 2 ไตรมาสก่อนหน้า ไม่ถึง 6 พันล้าน เนื่องจาก พอร์ตสินค้ากลุ่มทาวน์เฮ้าส์ ที่สร้างเร็ว โอนเร็ว ถูกชะลอการก่อสร้าง และสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ซึ่ง ถ้าเทียบปีก่อน ลดลงไป -7% "
สำหรับช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 22 โครงการ มูลค่า 13,040 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 4 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่า 8,540 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ บ้านเดี่ยว 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ
พฤกษา ดันแคมเปญใหญ่ " ลดเด็ด ยกกำลัง 3"
ทั้งนี้ ในไตรมาสสุดท้าย เพื่อขานรับนโยบายการผ่อนปรนมาตรการ LTV ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถกู้ได้ 100% ไม่ต้องวางเงินดาวน์แล้ว พฤกษายังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยแคมเปญ “ลดเด็ด ยกกำลัง 3”
โดยมีโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดพร้อมอยู่กว่า 140 โครงการ 1,500 ยูนิต ที่เข้าร่วมด้วยราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท ถึง 31 ธ.ค. 64 นี้
ลุ้นโอน 6 พันล้าน จุดพลุอสังหาฯไตรมาส 4 แนวโน้มดี
ทั้งนี้ ตลาดอสังหาฯ เริ่มมีสัญญาณบวกอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี หลังจากเดือน ต.ค. เป็นต้นมา จากการที่ ธปท. ประกาศปลดล็อก LTV ทำให้เริ่มเห็นการผ่อนคลายของภาคธนาคารมากขึ้น ส่วนการขายผ่านช่องทางออนไลน์บริษัทมียอดโตขึ้นเกือบ 100 % จากปีที่แล้ว ขณะการเยี่ยมชมโครงการ ยอดกลับมา 10-20% อีกทั้ง พบ ขณะนี้สถาบันการเงิน เริ่มมีการเรียกลูกค้าเดิม ที่เคยปฎิเสธสินเชื่อไป กลับมาพิจารณาใหม่ มองจะมีผลต่อคนกลุ่มระดับกลางให้กลับมาซื้อมากขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทมียอดปฎิเสธสินเชื่อ ในตลาดคอนโดฯ โครงการแล้วเสร็จ 7 ตึก ราว 40% ส่วนแนวราบ ยกเลิกจากสถาบันการเงินไม่ถึง 10% ที่เหลือลูกค้ายกเลิกเอง ทาวน์เฮ้าส์ประมาณ 16% ภาพรวมสินค้าแนวราบ ราคามากกว่า 2 ล้านขึ้นไปค่อนข้างดี ส่วนเซกเม้นท์ระดับบน มีสัญญาณการยกเลิกจากลูกค้าเองมากขึ้น ส่วนราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท มีปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อ
" ปลดล็อกเกณฑ์ LTV ส่งผลให้มีลูกค้ามาเยี่ยมชมโครงการมากขึ้น ยิ่งล่าสุดสถาบันการเงิน ปลด 4 อุตสาหกรรมกลุ่มเสี่ยง ยกเลิก อสังหาฯ กับ ยานยนต์ ออกจากลิสต์ คาดจะทำให้แนวโน้มดีขึ้น ฉะนั้น จะเป็นเชิงบวกต่อภาพรวมอุตสาหกรรม และทิศทางรายได้ของบริษัท เนื่องจากมีการเตรียมเปิดโครงการใหม่ค่อนข้างเยอะ ผู้บริโภคเองก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลายลง โดยเฉพาะโครงการคอนโดฯที่จะแล้วเสร็จ ราว 7 โครงการ มูลค่าประมาณ 6 พันกว่าล้านบาท ในราคาเดิม ทำให้คิดว่าไตรมาสสุดท้าย น่าจะดีที่สุดสำหรับพอร์ตคอนโดฯ พฤกษา ซึ่งบริษัทจะอาศัยแคมเปญ โปรโมชั่น ในการดึงดูดลูกค้าอีกทาง เพื่อให้เกิดการยกเลิกน้อยที่สุด "
ปี 2565 เล็งเปิดใหม่กว่า 3 หมื่นล้าน รับตลาดโต10%
ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2565 นั้น ตั้งเป้าเติบโตมากกว่า 10 % โดยเตรียมเปิดโครงการใหม่ราว 31-35 โครงการ มูลค่าราว 2.5- 3 หมื่นล้านบาท เน้นเปิดบ้านเดี่ยวมากขึ้น เพื่อจับกลุ่มลูกค้าฐานรายได้ 4 หมื่น - 2 แสนบาทต่อเดือน เนื่องจากเป็นโปรดักส์ที่มีความต้องการสูง เช่น ทาวน์เฮ้าส์ 3-5 ล้าน ส่วนบ้านเดี่ยว 5-7 ล้านบาท ส่วนตลาดคอนโดฯ คาดต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนน่าจะกลับมาได้ในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งบริษัทจะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม ไต้หวัน ฮ่องกง ระดับล่างลงมาร่วมด้วย
โดยเตรียมเปิดโครงการใหม่อย่างต่ำ 6 โครงการ เจาะตลาดราคา 3-5 ล้านบาท มูลค่าต่อโครงการไม่เกิน 1.5 พันล้านบาทต่อโครงการ จากที่ดินที่ถือรองรับในมือราว 2 หมื่นล้านบาท หลังจากบริษัทได้ทยอยขายแลนด์แบงก์บางส่วน กลางเมืองออกไป เนื่องจาก ขณะนี้ไม่มีความเหมาะในการนำมาพัฒนาคอนโดฯ ระดับราคาแพง เกิน 2 แสนบาทต่อตารางเมตร ทั้งนี้ คาดภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2565 น่าจะเติบโตได้มากกว่า 10%