นิยามความลักชัวรี่สำหรับคนรุ่นใหม่ นอกจากจะหมายถึงความพิเศษและเอกสิทธิ์เฉพาะที่สร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันจนมีเอกลักษณ์ อีกหนึ่งนิยามความสำคัญคือ “Green” พื้นที่ธรรมชาติสีเขียวที่ผู้คนในเมืองใหญ่ต่างโหยหา การสรรค์สร้างพื้นที่สีเขียวให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นความท้าทายอย่างมากของการออกแบบงานภูมิสถาปัตยกรรม “Green” จึงเกิดขึ้นและมีอยู่เฉพาะในโครงการที่พักอาศัยระดับอัลตราลักชัวรี่ใจกลางเมือง
นายธัชพล สุนทราจารย์ ภูมิสถาปนิกและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์สเคป คอลลาบอเรชัน จำกัด เปิดเผยว่า “Green and Sustainable Luxury” ถูกนำเสนอในรูปลักษณ์ของสวนรูฟพาร์คภายในโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าโครงการมากกว่า 46,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลย่านธุรกิจใจกลางเมือง ถนนสีลม – พระราม 4 โครงการประกอบด้วยกลุ่มอาคารสูง 4 หลัง ได้แก่ อาคารโรงแรมดุสิตธานีใหม่ อาคารที่พักอาศัยดุสิต เรสซิเดนเซส อาคารสำนักงานเซ็นทรัล ออฟฟิศเซส และอาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค
ทั้งนี้ ความเป็นพื้นที่สีเขียวมีส่วนสัมพันธ์โดยตรงต่อความพิเศษในการอยู่อาศัย โดยการออกแบบรูฟพาร์ค เป็นแลนด์มาร์คสีเขียวแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ พื้นที่รวมมากถึง 7 ไร่ ไล่ระดับจากพื้นที่ดาดฟ้าอาคารชั้น 3 ต่อเนื่องขึ้นไปถึงชั้น 7 สถาปนิกใช้รหัสตัวเลขมงคลที่แฝงอยู่ในการออกแบบโรงแรมดุสิตธานี มีทั้งเลข 3 เลข 6 และเลข 9 ด้วยการออกแบบน้ำตกหลักบริเวณชั้น 7 ให้สายน้ำไหลลดหลั่นกันลงมาถึง 9 ชั้น การออกแบบเหลี่ยมมุมของน้ำตกได้แรงบันดาลใจจากการย่อไม้ในงานสถาปัตยกรรมไทย เพิ่มเติมด้วยเส้นสายของลายประจำยามที่แฝงอยู่ในโครงสร้างและรายละเอียดตกแต่งปลีกย่อย แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของลวดลายไทย แต่ปรับให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น
การสร้างสรรค์สวนรูฟพาร์คเป็นการฟื้นฟูพันธุ์ไม้พื้นถิ่นเดิมของกรุงเทพฯ ซึ่งนับวันจะสูญพันธุ์ไปเพราะการเติบโตของเมือง ทีมงานภูมิสถาปนิกได้ทำการค้นคว้าและศึกษาอ้างอิงบทงานวิจัยเรื่องพันธุ์ไม้ประจำถิ่นผ่านบทกวีเรื่องนิราศภูเขาทองและนิราศสุพรรณบุรี ของกวีเอกสุนทรภู่ เพื่อนำมาปลูกในสวนรูฟพาร์คเพื่อสร้างระบบนิเวศน์เฉพาะตัวของกรุงเทพขึ้นอีกครั้ง
โดยคัดสรรพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมมากกว่า 300 ชนิด ให้เข้ากันทั้งโครงการ ผสมผสานไล่ระดับกันไปทั้งไม้ใหญ่ และไม้พุ่มเตี้ย
อย่างไรก็ดี Green and Sustainable Luxury ทำให้บรรยากาศการอยู่อาศัยใจกลางเมืองภายในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มีความแตกต่าง โดยจะสัมผัสได้ถึงความสดชื่นในบรรยากาศคล้ายสวรรค์ตามคติความเชื่อศาสนา ซึ่งทัศนียภาพภายในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้ สายน้ำ และองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาระบบนิเวศ
นอกเหนือจากการให้ร่มเงาและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองแล้ว พันธุ์ไม้แต่ละชนิดยังมีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน มีการคัดเลือกพืชพันธุ์ที่สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และสร้างออกซิเจนได้ดี รวมถึงพันธุ์ไม้ช่วยกรองอากาศและดักฝุ่น และการคายน้ำของต้นไม้ทุก ๆ วันในพื้นที่สีเขียว 7 ไร่ ยังช่วยลดอุณหภูมิเมืองในบริเวณนี้ลงได้ 3-5 องศา
นายธัชพล กล่าวอีกว่า พื้นที่สีเขียวจึงต้องมีส่วนเชื่อมโยงผู้คนและชุมชนแวดล้อมให้เข้ามามีส่วนร่วม เพราะจะทำให้เกิดการพัฒนาธรรมชาติที่มีความยั่งยืนต่อไป โดยรูฟพาร์ค จะตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมืองที่ต้องการความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ครอบครัว หนุ่มสาว หรือผู้สูงอายุ
สวน D Garden คือพื้นที่สีเขียวที่มอบความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้าน ได้รับการออกแบบเป็นลานกว้างครอบคลุมส่วนดาดฟ้าชั้น 7 ตกแต่งโดยนำสัญลักษณ์ตัว D ของดุสิตธานี มาสร้างลูกเล่นให้พื้นที่มีจุดเด่น รวมถึงใช้ในการออกแบบทางเดินและแนวต้นไม้ เมื่อมองในมุมสูงจะเห็นสัญลักษณ์ตัว D ได้อย่างชัดเจน โถงทางเข้าส่วนตัวบริเวณชั้น 6 ของอาคารที่พักอาศัยดุสิต เรสซิเดนเซสเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ จัดเป็นทางเข้าส่วนบุคคลสำหรับผู้พักอาศัย
นายธัชพล กล่าวอีกว่า ฮวงจุ้ยเป็นเรื่องที่นำมาใช้ในการออกแบบสวนรูฟพาร์ค โดยออกแบบสวนให้มีระบบไหลเวียนของลมและแสงแดดที่ดี ที่น่าสังเกตคือ ทิศทางของตำแหน่งน้ำตกหลักซึ่งเป็นหัวใจของรูฟพาร์ค สถาปนิกใช้หลักชัยภูมิศาสตร์จัดวางน้ำตกขนาดใหญ่ให้หันหน้าสู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
โดยหันออกไปสู่สวนลุมพินีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามให้มากที่สุด เกิดสภาพสายน้ำตกไหลลดหลั่นลงมาในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดรับพลังแสงอาทิตย์และสายลมที่พัดผ่านมาจากสวนลุมพินีโดยตรง เชื่อว่าจะเกิดเป็นพลังงานหมุนเวียนภายใน ทำให้อากาศปลอดโปร่ง เพิ่มพลังชีวิตอันมั่นคง
อย่างไรก็ดี หากมองภาพใหญ่ของพื้นที่สีเขียวในมุมมองตามหลักชัยภูมิศาสตร์ จะเห็นรูปทรงกลุ่มอาคารสูงทั้งสี่โอบล้อมสวนรูฟพาร์คตั้งเรียงตัวอย่างโดดเด่นในแนวโค้งอันเป็นทิศทางตามลักษณะที่ดินด้านหน้าโครงการติดถนนใหญ่ (พระราม 4) และฝั่งตรงข้ามทำเลคือ สวนลุมพินี ความสูงของอาคารแต่ละหลังลดหลั่นเรียงโค้งต่อกันดูคล้าย อุ้งมือ ที่ชูขึ้นโอบรับพลังธรรมชาติโดยตรงอย่างเต็มที่จากสวนสาธารณะใหญ่ที่สุดของกรุงเทพมหานคร
และเมื่อดูทิศทางการจัดวางอาคารแต่ละหลัง จะพบว่าไม่มีส่วนใดบดบังซึ่งกันและกัน Green and Sustainable Luxury มอบทัศนียภาพสีเขียวต่อเนื่องจากรูฟพาร์คไปถึงสวนลุมพินีได้อย่างไร้รอยต่อ เป็นความเฉพาะตัวที่สร้างสรรค์ได้อย่างมีเอกลักษณ์ ในโครงการที่พักอาศัยระดับอัลตราลักชัวรี่