'รถไฟฟ้า' หัวใจสำคัญ ดันคนหา บ้าน-คอนโดฯชานเมือง

17 ก.พ. 2565 | 12:21 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.พ. 2565 | 19:26 น.

5 อันดับทำเล ดัชนี 'ราคาที่อยู่อาศัย' เพิ่มขึ้นสูงสุด ขณะโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ ปัจจัย ดันคนค้นหาบ้าน - คอนโดมิเนียม ชานเมืองมากขึ้น

17 ก.พ.2565 - เว็บไซต์ค้นหาบ้าน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ รายงาน DDproperty Thailand Property Market Report Q1 2565 - Powered by PropertyGuru DataSense ฉบับล่าสุด ระบุ เทรนด์การค้นหาที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคปัจจุบัน ยังคงมุ่งเน้นไปแถบชานเมืองที่เดินทางสะดวกเป็นหลัก เห็นได้จาก 5 อันดับทำเล ที่มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบไตรมาสนี้จะอยู่ในพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ ทั้งที่เปิดให้บริการแล้วและอยู่ระหว่างก่อสร้าง 

  • รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-หลักสองที่พาดผ่านส่งผลให้เขตบางแคมีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นสูงที่สุดถึง 9% จากไตรมาสก่อน 
  • เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน 
  • พื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกอย่างเขตตลิ่งชันที่มีรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน พาดผ่าน มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน 
  • เขตมีนบุรีมีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน หลังได้อานิสงส์จากรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งมีแผนเปิดให้บริการในปี 2567 

 

นอกจากนี้ อีกหนึ่งทำเลกรุงเทพฯ รอบนอกอย่างเขตบางขุนเทียน แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีรถไฟฟ้าพาดผ่าน แต่ดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน ถือเป็นทำเลชานเมืองที่น่าจับตามองและที่มีศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจในอนาคต จากการที่มีชุมชนขนาดใหญ่ ใกล้แหล่งงาน และสถานศึกษาชั้นนำ 

\'รถไฟฟ้า\' หัวใจสำคัญ  ดันคนหา บ้าน-คอนโดฯชานเมือง

โค้งสุดท้ายซื้อบ้าน ก่อนราคาปรับขึ้น 

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของดีดีพร็อพเพอร์ตี้  ยังกล่าว่า ปี 2565 เริ่มเห็นสัญญาณของผู้ประกอบการในการเปิดตัวโครงการใหม่หลังจากชะลอในช่วงปี 2564 โดยภาพรวมดัชนีอุปทานหรือจำนวนที่อยู่อาศัยในตลาดยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 229 จุด จาก 223 จุด หรือเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน 

 

โดยที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยว มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 7% จากไตรมาสก่อน หรือ 42% จากปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่มีสินค้าแนวราบอยู่ในมือได้นำออกมาขายมากขึ้น เพื่อรองรับเทรนด์ความต้องการของผู้ซื้อกลุ่ม Real Demand ตามมาด้วยคอนโดมิเนียมที่แม้โตไม่หวือหวาแต่ยังมีดีมานด์ในตลาด ยังคงเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน หรือ 21% จากปีก่อนหน้า 

 

ขณะที่ทาวน์เฮ้าส์ทรงตัวจากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อนหน้า ถือว่าอุปทานในตลาดตอนนี้มีจำนวนเพียงพอที่จะรองรับความต้องการซื้อของผู้บริโภค ตอบสนองกับมาตรการภาครัฐที่สนับสนุนการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในปีนี้ แม้อัตราการดูดซับสินค้าในตลาดซื้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่เป็นผลดีที่ผู้บริโภคจะมีตัวเลือกมากขึ้น และเป็นโอกาสทองโค้งสุดท้ายของผู้ซื้อและนักลงทุนระยะยาวที่มีความพร้อมในการครอบครองที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้ ก่อนที่ราคาขายของที่อยู่อาศัยในโครงการใหม่ ๆ จะทยอยปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกของตลาดในอนาคต 
 

ที่มา : ดีดีพร็อพเพอร์ตี้