30 ก.ย.2565 - การรีโอเพนนิ่งประเทศ นับเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงาน การลงทุน ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ ตลอดจนพนักงานบริษัทชาวต่างชาติ (Expat) เอื้อต่อการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าระยะยาวหรือกลุ่ม Long Stay ที่มีเป้าหมายทำสัญญาเช่าที่พักนานกว่า 1 ปีขึ้นไป สัญญาณดังกล่าว ชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลใจกลางเมืองใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มอย่างพญาไทและพร้อมพงษ์ ที่กลุ่ม Expat ให้ความสำคัญในฐานะทำเล Long Stay อย่างมีนัยยะสำคัญ
สิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ Head of Investment Property Program บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ กล่าวว่า พญาไท ถือเป็นเป้าหมายสำคัญของบรรดาบริษัทข้ามชาติ ที่ต้องการเข้ามาตั้งสำนักงานในไทย เนื่องจากเป็นทำเลติดรถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังแหล่งใจกลางธุรกิจ (CBD) อื่นๆ ได้ง่าย ขณะเดียวกัน ยังเป็นสถานีเชื่อมต่อกับ Airport Rail Link ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ สะดวกต่อการเดินทางไป-กลับระหว่างประเทศ ที่ผ่านมา พญาไทจึงเป็นทำเลที่มีอัตราการเช่าอาคารสำนักงาน (Occupancy Rate) สูงเป็นอันดับ 2 ของกรุงเทพฯ ด้วยอัตราการเช่าเฉลี่ย 94.9% และส่งผลให้ตลาดเช่าที่อยู่อาศัยแบบ Long Stay ในย่านนี้คึกคักไปด้วย
“เมื่อรีโอเพนนิ่ง สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ พญาไทจะคึกคักยิ่งขึ้น เมื่อก่อนย่านนี้เราจะเห็นกลุ่ม Expat เป็นชาวสิงคโปร์ มาเลเซีย จีน แต่วันนี้เราเริ่มเห็นชาวเกาหลีใต้เข้ามาพักในย่านนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สังเกตได้ว่าย่านนี้เริ่มมีร้านอาหารสำหรับชาวเกาหลีใต้ เป็นแหล่งคอมมูนิตี้เพิ่มขึ้น พญาไทจะกลายเป็นทำเลหลักแห่งหนึ่งของบรรดาพนักงานระดับ Middle Management ไปจนถึงระดับ Middle-Top Management ที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง”
ปัจจุบัน เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ระดับ 5 ดาวในพญาไท ยังถือเป็น Rare Item ของย่าน ส่งผลให้อัตราค่าเช่าสำหรับห้องพักแบบ 1 ห้องนอน เฉลี่ยอยู่ที่ 46,000 บาทต่อเดือน และแบบ 2 ห้องนอนสูงถึง 85,000 บาทต่อเดือน ในอนาคต พญาไทยังมีแนวโน้มจะเป็นทำเลฮอตฮิตยิ่งกว่าเดิม
ทั้งจากปริมาณพื้นที่อาคารสำนักงานที่จะเพิ่มขึ้นอีกราว 120,000 ตร.ม.ภายในปี 2566 และจากความโดดเด่นของการเป็นย่านการแพทย์ หรือ Medical District ด้วยจำนวนโรงพยาบาลชั้นนำพร้อมรองรับชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการในไทย รองรับการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub)
อีกทำเลหนึ่งที่น่าสนใจมาก คือทำเล “พร้อมพงษ์” สิริพงศ์ เล่าว่า ทำเลสุขุมวิทตอนกลาง (Mid-Sukhumvit) ถือเป็นทำเลที่ “ไม่ต้องพูดเยอะ” โดยเฉพาะพร้อมพงษ์ ที่เป็น “ย่านอินเตอร์” รวมชาวต่างชาติจากทุกเชื้อชาติ ตั้งแต่ ยุโรป อเมริกา รวมไปถึงเอเชีย อย่างญี่ปุ่น เป็นย่านทรงเสน่ห์ที่มีแหล่งไลฟ์สไตล์รองรับการใช้ชีวิตของชาวต่างชาติทุกเชื้อสายประเทศ เป็นทำเลที่มีเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ครบทุกแบรนด์ต่างประเทศ
ที่สำคัญ คือ มีเมกะโปรเจกต์รองรับการจัดอีเวนท์ระดับประเทศ อย่าง ศูนย์สิริกิติ์ใหม่ ที่เพิ่งแล้วเสร็จ นอกจากนี้ ยังเป็นทำเลที่ใกล้ 3 สวนใหญ่ อย่างสวนเบญจสิริ สวนเบญจกิตติ และสวนลุมพินี เป็นที่โปรดปรานของชาวต่างชาติ ส่งผลให้ทำเลพร้อมพงษ์ ก้าวกระโดดมาเป็นอันดับต้นๆ ในสุขุมวิท มีความต้องการที่พักแบบ Long Stay จากกลุ่มชาวต่างชาติสูง สังเกตได้ว่าเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์แบรนด์ Ascott ของบริษัทบริเวณใจกลางพร้อมพงษ์ มีอัตราการเข้าพักเต็มตลอดทั้งปี สะท้อนถึงความน่าสนใจของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในทำเลดังกล่าว
สิริพงศ์ ย้ำว่า จากจุดเด่นดังกล่าว บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนภายใต้ชื่อ HAMPTON Investment Property Program และร่วมกับบริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (HHR) แก้ Pain Point ของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเปิดให้ผู้บริโภคลงทุนเป็นเจ้าของเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์หรูระดับ 5 ดาว ในโครงการแฮมป์ตัน เรสซิเดนซ์ พญาไท (Hampton Residence Phayathai) และแฮมป์ตัน เรสซิเดนซ์ เน็กซ์ ทู เอ็มโพเรียม (Hampton Residence Next to Emporium) ที่เป็น โปรเจกต์เรือธง ของทาง ORI พร้อมกับมีทีมของ HHR เข้ามาช่วยจัดหาผู้เช่าแบบ Long-Stay ลดภาระผู้เช่าต้องวุ่นวายหาผู้เช่า รับเรื่องจุกจิกเอง พร้อมได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอในอัตรา 5-9% ต่อปี ยาวนานสูงสุด 20 ปี
ทั้งนี้ จุดเด่นของ HHR คือการเป็นพันธมิตรกับบริษัทจัดหาที่พักสำหรับชาวต่างชาติ (Relocation Agent) มากกว่า 70 ราย มีเครือข่ายบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทในเอเชียที่ส่ง Expat เข้ามาทำงานในไทยและต้องการที่พักระยะยาวอย่างต่อเนื่องมากกว่า 2,000 บริษัท จึงช่วยให้ผู้ลงทุนมั่นใจได้ว่า การลงทุนจะได้รับผลตอบแทนมั่นคงตามที่ตกลงไว้
“ปีนี้ กลุ่มสินทรัพย์เสี่ยง เช่น คริปโทเคอร์เรนซี ตลาดหุ้นทั่วโลก มีความผันผวนอย่างมาก การกระจายความเสี่ยงมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมั่นคงกว่า แข็งแกร่งพอจะสู้กับภาวะเงินเฟ้อ จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนกำลังให้ความสำคัญ เราเชื่อมั่นว่าสินทรัพย์ในทำเลศักยภาพอย่างพญาไทและพร้อมพงษ์ และระบบการบริหารจัดการสินทรัพย์ของเรา จะเป็นส่วนสำคัญเข้าไปแก้ Pain Point ให้แก่นักลงทุนกลุ่มนี้” สิริพงศ์ กล่าว