วันที่ 30 กันยายน 2565 ที่บริเวณหาดเลพัง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่จาก 23 หน่วยงาน ภายใต้การนำของนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยนายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำกำลังเข้ารื้อถอน าคารสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ อาทิ ร้านอาหาร ซุ้มกาแฟเครื่องดื่ม ร้านวดซุ้มขายสินค้า เป็นต้น ของเอกชน 4 ราย ที่ตั้งบนที่ดินสาธารณประโยชน์ เนื้อที่ 178 ไร่ บริเวณหาดเลพัง-ลายัน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลังจากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินของรัฐ และเจ้าหน้าที่ได้พยายามบังคับคดีแต่ยังคงดื้อแพ่ง และนำมวลชนมาต่อต้านในการดำเนินการครั้งก่อน ๆ
นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้นายอำเภอถลาง ร่วมกับนายก อบต. เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอ เจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบหมายจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดให้มาดำเนินการตามคำพิพากษาของศาล คือให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งได้ทำการปิดหมายบังคับคดีไปเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา
วันนี้ก็ครบเวลาที่กำหนดไว้ว่า ผู้ที่ครอบครองจะต้องรื้อให้หมด พบว่ายังมีทรัพย์สินบางส่วนที่ยังไม่ได้รื้อ วันนี้คณะเจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการในการเข้ามารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ยังเหลืออยู่ โดยเราได้รับการสนับสนุจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะนายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)เชิงทะเล ได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่ง สำหรับจ้างผู้รับเหมาดำเนินการในการรื้อถอน นอกจากนั้นเราได้สนับสนุนจากนายกองค์การบริหารจังหวัดภูเก็ต ส่งเจ้าหน้าที่รวมถึงเครื่องจักรมาดำเนินการในการรื้อถอนด้วย ร่วมกับหน่วยกำลังอื่น ๆ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร กองทัพภาคที่ 4 เจ้าหน้าที่ทหารเรือ เจ้าหน้าที่ อ.ส ประจำการ และ อ.ส สำรอง รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้นำกำลังชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน รวม 23 หน่วยงาน มาดำเนินการในการรื้อถอนในวันนี้
ทั้งนี้ที่แปลงนี้มีการบุกรุกทั้งแปลง เนื้อที่ 178 ไร่ มูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท แล้วสร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ โดยในส่วนที่มีหมายบังคับคดีแล้ว ก็จะดำเนินการตามหมาย โดยครั้งนี้จะดำเนินการของ 4 รายที่คดีถึงที่สุดแล้ว ส่วนที่อยู่นอกหมายบังคับ ทางนายก อบต.เชิงทะเล ได้เข้าแจ้งความดำเนิคดีไปแล้ว เมื่อมีผลบังคับคดีออกมาอย่างไรก็จะดำเนินการตามผลคดีต่อไป
รวมถึงผู้ที่จะเข้ามาในพื้นที่ภายหลัง ก็ถือว่าเข้ามาในพื้นที่ก็อาจจะเป็นความผิดฐานบุกรุก หรือว่าความผิดฐาน พรบ.ป่าไม้ได้ ซึ่งความผิดฐานบุกรุกความผิดฐานพรบ.ป่าไม้ ทาง นายกอบต.ได้ดำเนินคดี ไปประมาณสองราย และศาลสั่งพิพากษาจำคุกไปแล้ว
ข้อพิพาทที่ดินแปลงดังกล่าวมีการฟ้องร้องและต่อสู้คดีมายาวนานกว่า30 ปี แม้ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่ผู้บุกรุกออกจากที่ดินของรัฐ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่บังคับคดีจำเลยจะประวิงเวลาหรือฟ้องโต้แย้ง หรือกระทั่งใช้มวลชนกดดันหรือข่มขู่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่
โดยเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2564 ทางจังหวัดภูเก็ตโดยเจ้าพนักงานบังคับคดี ไปดำเนินการรื้อถอน แต่ดำเนินการได้บางส่วน และมีผู้ขัดขวางการรื้อถอน โดยอ้างว่าได้ฟ้องจังหวัดภูเก็ตเป็นคดีต่อศาลจังหวัดภูเก็ต รวม 2 คดี โดยศาลยกฟ้อง 1 คดี แต่อุทธรณ์คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาพิส่วนอีกคดีอยู่ระหว่างการสืบพยานของศาลจังหวัดภูเก็ต
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 จังหวัดภูเก็ตได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปดำเนินการปิดประกาศอีกครั้ง และให้เวลา 15 วัน ครบกำหนดการรื้อถอนในวันที่ 30 กันยายน 2565 นี้ เพื่อให้โอกาสผู้ที่อยู่ในพื้นที่ได้ทราบคำสั่ง และขนย้ายทรัพย์สินออกไปเอง แต่ไม่ได้ให้สิทธิในการร้องคัดค้านแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าพื้นที่มีเพียงบางรายยอมรื้อถอนไปเอง จึงนำกำลังพร้อมเครื่องจักรกลเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เหลือของโจทก์ที่ 1, 3, 4 และ 5
ทั้งนี้การเข้ารื้อถอนดำเนินการด้วยความเรียบร้อย ไร้ผู้ขัดขวาง แต่มีบางรายที่ขอมานำสิ่งของออกไป และขอรื้อเอง โดยเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปได้ ส่วนการรื้อถอนก็ต้องทำไปพร้อม ๆ กับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากมีการแจ้งล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
นายบัญชา ธนูอินทร์ นายอำเภอถลาง กล่าวว่าการดูแลพื้นท๊ที่ยึดคืนมาได้นี้จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดื้อวางแผนการดูแลพื้นที่กันต่อไป เบื้องต้นจะจัดเจ้าหน้าที่มาดูแลพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนการดำเนินการด้านกฎหมายขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการออกหนังสือสำคัญสำหรับทีหลวง หรือนสล.อยู่
ส่วนนายมาโนช พันธุ์ฉลาด นายก อบต.เชิงทะเล กล่าวว่า จะรีบเข้ารื้อถอนและฟื้นฟูพื้นที่ให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็ว โดยอบต. มีงบพร้อมปรับปรุงเตรียมไว้แล้ว 90 ล้านบาทคาดว่าจะปรับให้เป็นสวนสาธารณะเพื่อให้ทั้งคนพื้นททีและนักท่องเที่ยวได้ใช้ประโยชน์ต่อไป