การเปิดประเทศของจีนนอกจากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้วยังส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับมามีความหวังอีกครั้งทั้งการเดินทางกลับมาโอนกรรมสิทธิ์และระบายสต๊อกคอนโดมิเนียมคั่งค้างรวมไปถึงโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างมากกว่าแสนหน่วย
ที่จะทำให้บรรยากาศเดิมหวนคืนมาหลังจากหายไป 3 ปี แม้ว่าอาจจะไม่คึกคักเหมือนช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิดแต่มองว่า น่าจะช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาพลิกฟื้นเร็วขึ้น ส่งสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจประเทศในภาพรวม
นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน)ในฐานะนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการกลับมาของจีนส่ง สัญญาเชิงบวก ต่อการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม
โดยเฉพาะสต็อกคงค้างและโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จที่ได้อานิสงก์ ซึ่งจะเป็นกำลังซื้อใหม่ที่เข้ามาทดแทนกำลังซื้อในประเทศ
อย่างไรก็ตาม การหายไปจากตลาดเป็นเวลานานของจีนอาจ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนเดิม หรือเกิดเทรนด์ใหม่การลงทุน รูปแบบที่อยู่อาศัย แต่อย่างน้อยทำให้ระบบเศรษฐกิจประเทศดีขึ้น
ในระยะสั้นบริษัทได้เตรียมความพร้อม นำโครงการ 5โครงการพร้อมอยู่ ประมาณ 500 หน่วย รองรับกลุ่มคนจีน ซึ่งทำเลส่วนใหญ่อยู่กลางใจเมืองและล่าสุดอยู่ระหว่างก่อสร้าง คอนโดมิเนียมสูง 32 ชั้นกว่า 800 หน่วย ราคา 2ล้านบาทต้นๆในทำเลย่านฝั่งธนบุรีติดสถานีวุฒากาศ รถไฟฟ้าบีทีเอส
ประเมินว่าสามารถขายให้กับนักลงทุนจีนได้ราว 300-400หน่วยในสัดส่วนต่างชาติถือครองห้องชุดได้ไม่เกิน49%นอกจากกลุ่มกำลังซื้อคนไทยที่ทำงานย่านสาทร ที่ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟฟ้าเพียง10นาที โดยขณะนี้ บริษัทเตรียมความพร้อม อาทิเปลี่ยนเอกสารเป็นภาษา จีนทั้งหมดเพื่อรองรับกลุ่มคนจีน สำหรับโครงการที่จะเปิดขาย นอกจากภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
“ส่วนใหญ่ช่วงนี้จะเป็นการนำสต็อกเก่ามาขาย ส่วนโครงการก่อสร้างใหม่คงไม่ทันเพราะต้องใช้เวลา เตรียมไม่ต่ำกว่า 2 ปี ทั้งการจัดหาที่ดิน การยื่นขอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ และก่อสร้าง อีก2ปี รวม 4ปี ขณะทำเลที่คนจีนชื่นชอบได้แก่ กรุงเทพมหานคร พัทยา จังหวัดชลบุรี ภูเก็ต และเชียงใหม่”
สอดคล้องนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) สะท้อนว่า จีนเปิดประเทศเร็วกว่ากำหนดเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศ ประกอบกับการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัท เสร็จจำนวน10 อาคารพร้อมเข้าอยู่ ไม่ต่ำกว่า 3,000หน่วย จึงเป็นผลดี
โดยทำเลส่วนใหญ่อยู่ใจกลางเมือง ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า เป็นที่นิยมของจีนทั้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอย จีนบาดเจ็บจากสถานการณ์โควิด เป็นเวลานานจึงไม่แน่ใจว่าการกลับมาครั้งนี้จะให้ความสนใจซื้อโครงการมากน้อยแค่ไหนอย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างคัดเลือก เอเจ้นท์ขายอสังหาฯให้นักลงทุนต่างชาติทั่วโลกโดยเฉพาะจีน
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าต่างชาติ มักนิยมคอนโดมิเนียมทำเลกลางใจเมือง เมื่อจีนเปิดประเทศบริษัทไม่ได้ตื่นเต้นมากนักเพราะ ไม่ได้พัฒนาโครงการย่าน กลางเมืองมานาน 3-4ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด
ส่วนใหญ่เปิดขายโครงการบ้านหรูซึ่งชาวจีนที่เปิดบริษัททำธุรกิจในไทย จะซื้อของบริษัทในนามนิติบุคคลราคา70ล้านบาทขึ้นไป อย่างไรก็ตามมีเพียงคอนโดมิเนียมโครงการเดียวที่สอดคล้องกับความต้องการของคนจีนคือโครงการเดอะสกาย สุขุมวิท แยกบางนากว่า300 หน่วย จาก700-800หน่วย
นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ประเมินในภาพรวมเมื่อจีนเปิดประเทศว่านอกจากจะเป็นผลดีต่อภาคท่องเที่ยวภาคบริการแล้วยังเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่มองว่าจีนยังให้ความสนใจ และมีกำลังซื้อโดยเฉพาะให้ความสนใจบ้านแนวราบ
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่าจีนยังให้ความสนใจอสังหาริมทรัพย์ไทยต่อเนื่องแม้อยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด สะท้อนจากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวน 4,433 หน่วย เพิ่มขึ้น1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 4,370 หน่วย
มีมูลค่าการโอนกรรมคอนมิเนียม คนต่างชาติ จำนวน 22,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี2564 มีจำนวน 20,472 ล้านบาท ทั้งนี้ 10 อันดับแรกของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์และมูลค่าการโอนของคนต่างชาติ พบว่า อันดับ 1 ยังคงเป็นผู้ซื้อสัญชาติจีนที่มีการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด
ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 1,124 หน่วย สัดส่วน48% ของหน่วยโอนทั้งหมด มูลค่าการโอนของชาวจีน 5,931 ล้านบาท คิดเป็น49 %ของมูลค่าการโอนทั้งหมดขณะราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 5.3 ล้านบาท
ด้าน นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ด้วยระบบอัตโนมัติ เปิดเผยว่า เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ประเทศไทยได้รับปัจจัยเชิงบวกจากจีนค่อนข้างมากโดยเฉพาะภาคอสังหาฯ และการท่องเที่ยว
ประกอบกับความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากความต้องการที่ถูกอั้นไว้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อาจส่งผลให้การแข่งขันของผู้ประกอบการอสังหาฯ สูงขึ้น โดยต้องการความรวดเร็วในการส่งมอบงานได้ทันเวลา ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน อีกทั้งสามารถรักษาเงินทุนหมุนเวียน ในการดำเนินงาน ซึ่ง มองว่าสินค้าของบริษัทตอบโจทย์ความต้องการได้ดี