ลุ้น 'อสังหาฯ'ไทย ฝ่า 6 ปัจจัยลบ เข็นเติบโต 5-15%

24 ม.ค. 2566 | 06:19 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ม.ค. 2566 | 06:28 น.

กูรูอสังหาฯ เปิด 3 ฉากทัศน์ อสังหาฯไทย ปี 2566 คาด ขยายตัว 5-15% ภายใต้ 6 ปัจจัยเสี่ยง ประเมิน คอนโดไม่เกิน 3 ล้าน /บ้าน 5 ล้าน /บ้านหรู 10 ล้าน มาแรง

24 ม.ค.2566 - ปี 2566 เป็นอีกปีที่ท้าทายความสามารถของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ในการขับเคลื่อนธุรกิจท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงและโอกาสที่เกิดขึ้น 

โดยล่าสุด “ลุมพินี วิสดอมฯ” คาดการณ์เปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ปี 2566 มีแนวโน้มเติบโต 5-15% ในขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 5-10% ผลจากราคาที่ดิน ค่าแรง ราคาวัสดุก่อสร้างและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์มีแนวโน้มเติบโต 0-10% ประเมิน ขึ้นกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและผลกระทบที่เกิดจากการยกเลิกมาตรการผ่อนคลายการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย(LTV) และสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย(Mortgage Loan)  

3 ฉากทัศน์ อสังหาฯไทย ปี 2566

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) คาดการณ์แนวโน้มการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2566 ว่า มีแนวโน้มที่จะเติบโต 5-15% ในขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์มีแนวโน้มเติบโต 0-10% ขึ้นกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2566

 

โดยการคาดการณ์ดังกล่าว LWS ได้มีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการเติบโตของเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ใน 3 ฉากทัศน์ (3-Scenarios)  กล่าวคือ

ลุ้น \'อสังหาฯ\'ไทย ฝ่า 6 ปัจจัยลบ  เข็นเติบโต 5-15%

  • กรณีที่ดีที่สุด(Best Case) :เป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโตไม่น้อยกว่า 2.9% และสถานการณ์สงครามในรัสเซียและยูเครนคลี่คลายซึ่งจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไม่น้อยกว่า 4.2% และอัตราเงินเฟ้อไม่เกิน 3% จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2566 ประมาณ 118,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 543,000 ล้านบาท หรือเติบโต 15% และอัตราการโอนกรรมสิทธิจะมีแนวโน้มเติบโตไม่น้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2565
  • กรณีปกติ(Base Case):เป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโตประมาณ 2% และสถานการณ์สงครามในรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง ซึ่งจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไม่น้อยกว่า 3.5% และอัตราเงินเฟ้อไม่เกิน 3% จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2566 ประมาณ 108,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 488,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% และอัตราการโอนกรรมสิทธิจะมีแนวโน้มเติบโตไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับปี 2565
  • กรณีที่แย่ที่สุด(Worst Case):เป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโตน้อยกว่า 2% และสถานการณ์สงครามในรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อและรุนแรง ทำให้เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตน้อยกว่า 3% และอัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 5% จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2566 ประมาณ 105,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 474,000 ล้านบาท หรือเติบโตน้อยกว่า 5% และอัตราการโอนกรรมสิทธิ์จะมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2565

เปิด 6 ปัจจัยเสี่ยงกระทบอสังหาฯ ปี 2566

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 แล้ว  การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยยกเลิกมาตรการผ่อนคลายอัตราการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value: LTV) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 และหลังถัดๆ ไป  รวมถึงการปรับอัตราค่าธรรมเนียมการโอนจาก 0.01% เป็น 1%(จากอัตราปกติที่ 2%) รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ราคาประเมินที่ดินใหม่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8-10% ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2566 ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับตัวสูงขึ้น 5-8% และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นประมาณไตรมาสสองของปี 2566 ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระทบกับกำลังซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2566 และมีผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 5-10% ในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 ขึ้นอยู่กับทำเลและประเภทของที่อยู่อาศัย

“ถึงแม้จะมีปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยที่กระทบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 แต่การเปิดประเทศของจีนเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 มีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยบวกที่กระตุ้นกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของนักลงทุนจีน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์จากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน” 

คอนโดไม่เกิน 3 ล้าน /บ้าน 5 ล้าน /บ้านหรู 10 ล้าน มาแรง

จากการรวบรวมข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติจากกรมที่ดิน ของ LWS พบว่าตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน การโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ให้กับชาวจีนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 48-55% ของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ให้กับชาวต่างชาติ และเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ที่เข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

โดยที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีกำลังซื้อสูงทั้งจากผู้ซื้อชาวไทยและต่างชาติเป็นอาคารชุดพักอาศัย ใกล้แนวรถไฟฟ้า และแหล่งชุมชนที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย และบ้านพักอาศัยระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก และบ้านพักอาศัยระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทต่อหน่วย ที่ตั้งอยู่ใกล้ย่านธุรกิจ(Central Business District:CBD)

ลุ้น \'อสังหาฯ\'ไทย ฝ่า 6 ปัจจัยลบ  เข็นเติบโต 5-15%