28 กุมภาพันธ์ 2566 - บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ประกาศรายได้ปี 2565 กว่า 12,530 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์และมีกำไรสุทธิ 490 ล้านบาท พร้อมจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้น 0.02 บาทต่อหุ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จจากการปั้นธุรกิจที่พักอาศัยหลังปรับโครงสร้างใหญ่ได้เพียง 1 ปี ในปี 2566
พร้อมตั้งเป้าเดินหน้าโครงการบ้านแนวราบใหม่กว่า 10,000 ล้านบาท เสริมทัพด้วยกำไรจากธุรกิจโรงแรมรับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของภาคการท่องเที่ยว ในปี 2565 บริษัทฯ ปรับกลยุทธ์ให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ตลาดและกระตุ้นการสร้างรายได้จากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มประสิทธิภาพ
สิงห์ เอสเตท ทำ new high รายได้
ส่งผลให้รายได้สามารถสร้าง new high ในปีที่ผ่านมา สำหรับกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัยประเภทบ้านแนวราบมีผลงานโดดเด่นสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายหลังใช้เวลาเพียง 1 ปีในการปั้นโครงการใหม่ออกสู่ตลาดและเปิดตัวในปีที่ผ่านมา เนื่องจากลูกค้าให้การยอมรับในคุณภาพและเชื่อมั่นในมาตราฐานของสิงห์ เอสเตท ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้นำในการพัฒนาบ้าน luxury อย่างแท้จริง
โดยโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ (SIRANINN Residences Pattanakarn) มีมูลค่าโครงการกว่า 2,900 ล้านบาท เปิดตัวอย่างสวยงามในปลายปี 2565 ด้วยยอดโอนกรรมสิทธิ์กว่า 830 ล้านบาท หรือสูงถึง 28% หลังเปิดโครงการได้เพียง 2 เดือน นับเป็นก้าวที่สำคัญในการสร้างแบรนด์บ้านคุณภาพในตลาดเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น
นอกจากนั้นรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นสู่ 8,693 ล้านบาท หรือเติบโตเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งมาจากการใช้กลยุทธ์ที่มีความหลากหลาย ทั้งในเชิงภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากหลากหลายภูมิภาค การบริหารพอร์ต
อย่างมีประสิทธิภาพทั้งเชิงการกำหนดราคา การทำการตลาดเชิงรุกและการเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่โดยเฉพาะตลาดที่มีกำลังซื้อ ควบคู่กับการปรับปรุงทรัพย์สินทรัพย์ให้ตอบโจทย์กระแสการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ใหม่ๆ ส่งผลสำเร็จต่อการปรับเพิ่มอัตราค่าห้องพักต่อคืน (ADR) ในปี 2565 ของโรงแรมในหลายประเทศ เช่น สาธารณรัฐมัลดีฟส์ และสหราชอาณาจักร ให้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าสามารถสร้างรายได้อยู่ที่ 1,014 ล้านบาทปรับตัวดีขึ้น 5% ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าขึ้นได้แม้จะอยู่ระหว่างสถานการณ์ที่ท้าทาย พร้อมกับการเปิดพื้นที่ค้าปลีกบางส่วนในโครงการ S-OASIS ที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งจะมีการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบในไตรมาส 2 ของปี 2566 และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานได้มีความก้าวหน้าตามแผนโดยรับรู้รายได้เป็นปีแรกจากการขายและการโอนที่ดินของนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง (S-Angthong) รวมมูลค่า 198 ล้านบาท
คุมต้นทุนดี ดันมีกำไร 490 ล้าน
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า “สำหรับผลประกอบการที่ดีในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการผลักดันรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจของเรา ควบคู่การบริหารต้นทุนอย่างเข้มข้น ผลส่งให้เรามีกำไรสุทธิ 490 ล้านบาทในปี 2565 โดยบันทึกกำไรสามไตรมาสติดต่อกัน จึงถือได้ว่าปี 2565 นี้ เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวความสำเร็จของ สิงห์ เอสเตท จากความทุ่มเทในการปรับตัวเพื่อเอาชนะความท้าทายต่อสภาวะตลาดและสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว
นอกจากนั้นแล้ว บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นในการทำงานด้านความยั่งยืนในทุกมิติอย่างจริงจัง ภายใต้นโยบายการสร้างความหลากหลายที่สมดุลสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Diversity) เพื่อสร้างจุดแข็งทางธุรกิจเพื่อส่งเสริมซึ่งกันและกันระหว่างธุรกิจ พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่อีกหลายโครงการตามแผนธุรกิจภายในปี 2565 ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะผลักดันรายได้ของสิงห์ เอสเตท ให้เติบโตต่อเนื่องในอนาคต