15 พฤษภาคม 2566 - นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปี 2566 ว่า จากการเติบโตของทั้งธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจเฮลท์แคร์ตามแผนที่ได้แถลงไว้เมื่อต้นปี และการบริหารต้นทุนและการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิ 652 ล้านบาท เติบโต 18% มีรายได้รวม 6,598 ล้านบาท เติบโต 10% ทำอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นที่ 32.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 29.7% และยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net gearing ratio) ต่ำที่ 0.25 เท่า
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 6,030 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565 จากการโอนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จในไตรมาส 3 และ 4 ปี 2565 อย่างต่อเนื่อง 6 โครงการ และมียอดขาย 4,466 ล้านบาท ซึ่งการเปิดขายโครงการแชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สร้างกระแสตอบรับจากลูกค้าไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดี ทำยอดขายไปได้ราว 50%
สำหรับในไตรมาส 2 มีแผนเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 5,910 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 4 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ คาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยภาพรวมพอร์ทโฟลิโอสินค้า ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าในกลุ่มพรีเมียมมากขึ้นกว่า 40% ของมูลค่าโครงการที่จะเปิดในไตรมาสดังกล่าว
ทั้งนี้ เป็นครั้งแรกในประเทศไทยของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่พฤกษา ร่วมมือกับ The Walt Disney Thailand ผู้นำธุรกิจในกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ร่วมกันสร้างประสบการณ์แห่งความสุข ภายใต้แคมเปญ “ร่ายสุขเข้าบ้าน ดีลวิเศษ อยู่แล้วสุข” เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ให้ฝันของคนที่อยากมีบ้านเป็นจริง ผ่านทางกิจกรรมและดีลโปรโมชั่นพิเศษ ภายใต้แนวคิด “Bring the joy to your new Home, Dream Comes True” โดยความร่วมมือครั้งนี้เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ทางธุรกิจของแบรนด์ในการส่งมอบความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว ซึ่งสอดคล้องกับแนวความคิดของพฤกษาที่ต้องการจะส่งมอบ “อยู่ดี มีสุข” ให้ลูกค้าทุกคน
เพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทฯ มุ่งสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยทุกหลังให้ใช้คอนกรีตและพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ ผ่านการผลิตและจำหน่ายแผ่นพรีคาสท์ของ บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานพรีคาสท์คาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย ภายหลังการจับมือกับบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL ด้วยการสวอปหุ้นที่ได้ประกาศไปตอนต้นปีนั้น ในวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของ GEL มีมติอนุมัติ และอยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จในปลายเดือนพฤษภาคมนี้
ล่าสุด อินโน พรีคาสท์ ได้เริ่มทำการตลาดร่วมกับทาง GEL ทำให้ได้รับคำสั่งซื้อและติดตั้ง (Backlog) แผ่นพรีคาสท์จากลูกค้าภายนอกเข้ามาแล้วกว่า 1,200 ล้านบาท สูงกว่าที่บริษัทฯ เคยตั้งเป้าไว้ ถือเป็นความสำเร็จอีกหนึ่งขั้นของการแยกหน่วยธุรกิจในครั้งนี้
ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ รายได้ของกลุ่มวิมุตในไตรมาสแรก ปี 2566 มูลค่า 412 ล้านบาท เติบโตขึ้น 69% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ส่งผลมาจาก (1) รายได้จากการบริการทางการแพทย์ของ รพ. วิมุต รวมกว่า 186 ล้านบาท โดยเป็นรายได้ที่ไม่รวมโควิดเติบโตขึ้นกว่า 90% และจำนวนผู้ป่วยนอกที่เข้ารับการรักษาสูงขึ้น 34% มีการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนขึ้น และมีจำนวนคนไข้ต่างชาติสูงขึ้นเป็นเกือบ 10% และ (2) เมื่อรวมกับรายได้จากโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมา มีรายได้กว่า 226 ล้านบาท
ล่าสุดกลุ่มวิมุต ได้ต่อยอดการสนับสนุนพันธกิจการส่งมอบการการอยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข” โดยในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้เปิดให้บริการศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ “ซีเนร่า วิมุต เฮลท์ เซอร์วิส” ที่ถนนคู้บอน และในครึ่งปีหลัง มีแผนการเปิดศูนย์สุขภาพเวลเนสแห่งใหม่ในชุมชนโครงการพฤกษาอีก 2 แห่ง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย และส่งเสริมชุมชนสุขภาพดี
นอกจากนี้ โรงพยาบาลวิมุต ยังได้ขยายขอบเขตความร่วมมือการให้บริการกับโรงพยาบาลรามาธิบดี จากการให้บริการผ่าตัด ไปยังให้บริการด้านคีโมเทอราปี (Chemotherapy) และการทำ Sleep Test ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และส่งผลกระทบต่อทุกระบบของร่างกาย เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้สะดวกสบายมากขึ้น โดยยึดหลัก คนไข้ได้รับบริการที่มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม และลดเวลารอคิว
นอกจากนี้ยังได้ประกาศร่วมทุนกับ Naluri Hidup Sdn Bhd ถือหุ้นใน บจ. นัลลูรี่ เทอราพิวติกส์ ผู้ให้บริการทางสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจผ่านทางแอพพลิเคชั่น ให้แก่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) และบุคคลทั่วไป (B2C) ในไทย
เน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยทีมโค้ชสุขภาพของ Naluri ที่ประกอบด้วยนักจิตวิทยา นักกำหนดอาหาร แพทย์ ฟิตเนสโค้ช และโค้ชด้านอาชีพการงาน เพื่อให้ผู้รับคำปรึกษาบรรลุเป้าหมายทางสุขภาพที่ได้ตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อลดน้ำหนัก คุมความดัน คุมเบาหวาน คุมระดับไขมัน หรือจัดการกับความเครียด ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะเชื่อมโยงธุรกิจเฮลท์แคร์สู่คนไทยและลูกบ้านของพฤกษา และด้วยการต่อยอดธุรกิจด้านต่าง ๆ ในเครือ และแผนการดำเนินงานที่บริษัทฯ วางไว้ คาดว่าจะสามารถทำให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามที่ตั้งไว้”