TOA ธุรกิจที่ไม่ได้มีดีแค่สี บนเส้นทาง 60 ปี ยังเติบโตต่อเนื่อง

16 มิ.ย. 2566 | 05:51 น.
อัปเดตล่าสุด :16 มิ.ย. 2566 | 06:02 น.

บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) "TOA" หรือที่ทุกคนเรียกกัน “สีทีโอเอ” บนเส้นทางธุรกิจกว่า 60 ปี ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไตรมาสแรกปี 66 มียอดขายพุ่ง 5,654 ล้านบาท

หากพูดถึงเรื่องสี คงมีไม่กี่บริษัทที่คนไทยจะนึกถึงหนึ่งในนั้นที่อยู่มาอย่างยาวนานในการดำเนินธุรกิจด้านนี้ก็คือ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) "TOA" หรือที่ทุกคนเรียกกัน "สีทีโอเอ"

"สีทีโอเอ" ก่อตั้งโดย นายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ที่ดำเนินธุรกิจในฐานะผู้นำเข้าสีจากประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2507 ก่อนเริ่มขยายธุรกิจเติบโตมาจนถึงในปัจจุบัน จากธุรกิจครอบครัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยปัจจุบันมีมาร์เก็ตแคปมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท

โดยในปี 2520 ถือเป็นผู้คิดค้นและผลิตสีที่ไม่มีสารปรอท สารตะกั่ว และสารโลหะหนักได้สำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทย ต่อมาในปี 2522 ปฏิวัติวงการตลาดสีน้ำพลาสติก

ในการนำนวัตกรรม สีน้ำอะคริลิกแท้ 100% มาใช้เป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้แบรนด์สี "SuperShield" สีเกรดคุณภาพสูงสุด ทนทานนานกว่า 15 ปี ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ TOA ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดสีทาอาคารของประเทศไทย

นายจตุภัทร ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA ระบุว่า ผลกระกอบการในไตรมาสแรกของปี 66 ทาง TOA มียอดขาย 5,654 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14% ซึ่งมาจากการเติบโตของทุกช่องทางการขายภายในประเทศ

โดยเฉพาะการเติบโตในกลุ่มธุรกิจสีทาอาคารที่มาจากปริมาณความต้องการใช้สีที่เพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้มีการรีโนเวทโรงแรม ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีรายได้มาจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และยิปซัมบอร์ดที่มีการเติบโตต่อเนื่อง

นายจตุภัทร ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "TOA"

สำหรับในไตรมาสแรกปี 66 มีกำไรสุทธิ 632 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 54% เนื่องจากราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตอื่นๆ มีการปรับลดราคาลง และค่าเงินบาทที่ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าผลประกอบการของบริษัทเติบโต 15% จากปีก่อนที่มียอดขาย 20,000 ล้านบาท เป็นผลมาจาก 7 ธุรกิจ ทั้งธุรกิจสี และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องจะเติบโตตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้มีการรีโนเวทโรงแรม ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น

TOA ไม่ได้มีดีแค่สี เพราะมีถึง 7 ธุรกิจในเครือ (TOA Group Holding) ประกอบด้วย

  1. ธุรกิจสีอุตสาหกรรม
  2. ชิ้นส่วนยานยนต์
  3. โรงงานน้ำตาล
  4. ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค
  5. ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
  6. ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์ และเอ็มจี
  7. ธุรกิจ Property หรือห้างญี่ปุ่นที่รู้จักกันในชื่อ "ดองกิ"

ภาพประกอบ ธุรกิจในเครือ "TOA"