ครึ่งปีหลัง 2566“เอพี” ดัน 179 โครงการพร้อมขาย 1.4 แสนล้านเขย่าตลาด

20 ส.ค. 2566 | 08:45 น.
อัพเดตล่าสุด :20 ส.ค. 2566 | 09:01 น.

ครึ่งปีหลัง 2566“เอพี” ดัน 179 โครงการ พร้อมขาย 1.4 แสนล้านเขย่าตลาด เปิดตัวเพิ่ม อีก40โครงการ หลัง ครึ่งปีแรก มีรายได้ สูงถึง 23,856 ล้านบาท กำไร 3,023 ล้านบาท  ท่ามกลางความท้าทายเศรษฐกิจ-การเมือง

ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน เศรษฐกิจ ผันผวน ความไม่แน่นอนทางการเมือง กลับพบว่าช่วงครึ่งปีแรก (2566)บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ประสบความสำเร็จจากการกวาดรายได้และผลกำไรกันอย่างถ้วนหน้า เช่นเดียวกับ  บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน)   ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย  ภายใต้คำมั่นสัญญา “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” ประกาศรายได้รวมมากถึง 23,856 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,023 ล้านบาท  พร้อมเปิดตัวอีก40โครงการช่วงครึ่งปีหลังจากเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปี 58 โครงการมูลค่า77,000 ล้านบาท

 นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพีไทยแลนด์   กล่าวว่าหลังช่วงครึ่งปีแรกประสบความสำเร็จ สร้างรายได้ผลกำไรเป็นที่น่าพอใจแล้ว  ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดตัว 40 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 55,940 ล้านบาท 

ประกอบด้วย ทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 19,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 14 โครงการ มูลค่า 24,750 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 8,300 ล้านบาท และต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,340 ล้านบาท ส่งผลให้ตลอดครึ่งปีหลังเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้งกรุงเทพมหานคร  และต่างจังหวัดมากกว่า 179 โครงการ มูลค่ากว่า 143,367 ล้านบาท

ขณะผลดำเนินงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 23,856 ล้านบาท กำไรสุทธิเท่ากับ 3,023 ล้านบาท 

สะท้อนตัวเลข ไตรมาส 2  ที่ผ่านมา  สร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 12,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 11,805 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ 1,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,478 ล้านบาท เท่ากับ 4.5% ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สินค้ากลุ่มแนวราบอย่างทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวยังถือเป็นคีย์ไดรฟ์สำคัญในการเติบโตทางรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง

รายได้ที่เกิดขึ้นมาจากสินค้าแนวราบคิดเป็นมูลค่า 17,358 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของสัดส่วนรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งมีบ้านเดี่ยวแบรนด์ THE CITY, CENTRO และบ้านกลางเมือง เป็นกำลังหลักหนุนสร้างรายได้รวมในกลุ่มแนวราบ

ขณะกลุ่มคอนโดมิเนียม ภาพรวมเริ่มมีแนวโน้มเป็นบวก ประกอบกับสัญญาณการโอนกรรมสิทธิ์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ รับรู้รายได้จาก ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน, ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม และคอนโดมิเนียมร่วมทุนอย่าง RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน ที่ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในไตรมาสที่ผ่านมา สะท้อนจาก เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม บริษัทฯ มียอดขายรวมกว่า 46,819 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ DIVE DEEPER IN PROPERTY BUSINESS ด้วยการทำงานแบบเจาะลึก เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม กลุ่มธุรกิจพัฒนาบ้านเดี่ยว และกลุ่มธุรกิจพัฒนาทาวน์โฮม