ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน อย่างล่าสุดไฟสงครามอิสราเอล ชนวนความขัดแย้งที่ส่อกระทบเป็นวงกว้าง รวมถึงประเทศไทย ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์ เตรียมแผนรับมือต้นทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงอีกระลอก
ทั้งพลังงานเชื้อเพลิงเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย วัสดุก่อสร้างตลอดจนภาคขนส่ง ซํ้าเติมวิกฤตครั้งที่ผ่านมาหลังประเมินกันว่าช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป เมื่อโควิดคลี่คลาย มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ประกอบกับการเดินทางมาของชาวต่างชาติจะจุดติดเครื่องยนต์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศและตลาดอสังหาฯให้ฟื้นตัวดีขึ้น
บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด แบรนด์อสังหาฯชั้นนำของไทย กลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย 1 ใน 3 ธุรกิจหลักของบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารครั้งสำคัญ แต่งตั้งนายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO ) ทำหน้าที่รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม” แม่ทัพคนใหม่
ที่มีประสบการณ์ในฐานะผู้บริหารระดับสูงใน บริษัทอสังหาริมทรัพย์ จดทะเบียนชั้นนำหลายแห่งมายาวนานกว่า 30 ปี เดินหน้าสานต่อและรุกธุรกิจอสังหาฯ ขององค์กรให้เติบโตไปข้างหน้าอย่าง แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืน ร่วมกับทีมผู้บริหารชุดเดิมที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยกับเฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ โฮม มาอย่างยาวนาน
นายสมบูรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่าต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบัน เริ่มมีปัจจัยเสี่ยงกระทบตลาดที่อยู่อาศัย และกว่ากำลังซื้อจะฟื้นตัวจากวิกฤตที่ผ่านและวางแผน
ซื้อบ้าน ผ่อนบ้านได้ ล่าสุดต้องพบภาวะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยปรับตัวสูง และภัยสงครามที่รุนแรงขึ้น แม้จะเป็นปัจจัยภายนอกแต่ ยอมรับว่ามีส่วนกระทบทางด้านเศรษฐกิจของไทย อย่างไรก็ตาม ได้ติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ที่มองข้ามไม่ได้
อย่างไร ก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้า ขยายตลาด ให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มความต้องการ ขณะการแข่งขันของมีสูงโดยเฉพาะ ผู้ประกอบการบริษัทรายใหญ่ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กว่า10 ราย ที่ต้องเดินหน้าขยายโครงการต่อเนื่องแม้ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้น บ้านใหม่อาจกระทบกำลังซื้อจากการปรับขึ้น
ของดอกเบี้ยส่งผลให้หลายค่ายพร้อมใจเจาะกลุ่มบ้านเดี่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านลักชัวรี ส่วนบริษัทเองในปีหน้าจะยังคง รักษาฐานกำลังซื้อไว้ โดย อาจคงราคาเดิมแต่ปรับขนาดโครงการ และขนาดบ้านให้เล็กลง สอดรับกับ ที่ผู้บริโภครับไหว การมองหาต้นทุนที่ดินที่ไม่สูงเกินไป รวมถึง การจับมือกับสถาบันการเงินช่วยเหลือในเรื่องดอกเบี้ยและการปล่อยกู้ให้กับคนซื้อบ้าน
ขณะเดียวกัน จากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยพบว่าความต้องการบ้านเดี่ยวมีมากขึ้นสวนทางทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียมที่มียอดขายชะลอตัว และถูกปฏิเสธสินเชื่อ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม” ปรับยุทธศาสตร์ดำเนินธุรกิจ โดยขยายพอร์ตตลาดที่อยู่อาศัยมากขึ้นโดยเน้นเพิ่มการพัฒนาบ้านเดี่ยว เพิ่มเป็นสัดส่วน50% ควบคู่ ไปกับการพัฒนาโครงการบ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม และขยายการพัฒนาไปยังจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เพิ่มขึ้น 13%
เนื่องจากมีกำลังซื้อสูง ชื่นชอบบ้านพื้นที่ขนาดใหญ่ราคาจับต้องได้ รัศมีไม่เกิน 10 กิโลเมตร จากตัวเมืองหรือแหล่งงาน การจราจรยังไม่ติดขัด ราคาที่ดินไม่สูง ที่สำคัญชำระเงินสดค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับ พฤติกรรมกำลังซื้อในกรุงเทพมหานคร ที่เน้นทำเลในเมือง เนื่องจากปัญหาสภาพจราจร ทำให้บ้านมีขนาดเล็กแต่ราคาค่อนข้างสูง เพราะที่ดินมีราคาสูงนั่นเองแต่ทั้งนี้ตลาดหลักยังเน้นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อีกเป้าหมายที่ดำเนินการในปีหน้า คือขยายกลุ่มตลาดบ้านแพงมากขึ้น โดยราคาขายอยู่ที่ 100-200 ล้านบาท ในกรุงเทพมหานคร ทำเลเกษตร-นวมินทร์หรือ ที่ดินในโครงการเก่า เดอะ รอยัล เรสซิเดนซ์ เกษตร-นวมินทร์ รองรับกำลังซื้อของเศรษฐีใหม่ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ รวมถึงคนที่ต้องการขยับขยายบ้านหลังใหญ่ขึ้นที่ไม่มีปัญหาเรื่องการถูกปฏิเสธสินเชื่อ ส่วนคอนโดมิเนียม ย่านรัชดาภิเษก ทำเลศักยภาพ หลัง “เดอะ สตรีท รัชดาฯ” เนื้อที่เกือบ1ไร่ กว่า100หน่วย ราคา3.1-3.2ล้านบาท
ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอพิจารณาอนุมัติ การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอและมีแผนขยายตลาดในส่วนของที่อยู่อาศัยแนวสูงมากขึ้นในอนาคตเช่นกัน และที่บริษัทให้ความสำคัญ คือต่อยอดการพัฒนาโซลูชั่นการอยู่อาศัยตามความต้องการของผู้บริโภค และเดินสู่เป้าหมาย ท็อป5ในตลาดอสังหาฯในปี2568 ที่ ต้อง ฉายภาพแบรนด์ให้ชัด ผลิตที่อยู่อาศัยโดยใช้แบรนด์หลักให้มากขึ้นเพื่อสร้างการจดจำ ได้แก่ แบรนด์ The Grand, Grandio, Prestige และ NEO Home
ส่วนผลการดำเนินงาน ปี 2566 ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ที่ 3,000 ล้านบาทและปีต่อๆไปมีเป้าหมายเติบโตมากขึ้นโดยเฟรเซอร์พร็อพเพอร์ตี้โฮม จะยึดไตรมาส 3 ของทุกปีเป็นไตรมาสสุดท้าย ตามบริษัทแม่ที่ประเทศสิงคโปร์ และไตรมาส 4 ถือว่าเริ่มต้นปีใหม่สำหรับปี 2567 หรือไตรมาสแรกแต่ เพื่อให้เป็นสากลจึงเริ่มนับตั้งแต่1มกราคม ของทุกปีเป็นต้นไปคือจุดเริ่มต้นของปี และบริษัทมีแผนซื้อที่ดินเข้าพอร์ตมากขึ้น เพื่อพัฒนาโครงการตามเป้าหมาย
“ในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมรีเฟรชแบรนด์ใหม่ให้มีความชัดเจน สอดรับความเป็นหนึ่งเดียวกันกับแบรนด์เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยมากขึ้น เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์และเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค โดยตั้งเป้าติด Top 5 แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2568 ซึ่งจากสินค้าที่มีหลากหลายเซกเมนต์และครอบคลุมทุกความต้องการนั้น นอกจากจะสร้างความยืดหยุ่นทางธุรกิจและความสามารถในการบาลานซ์พอร์ตฯ ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการส่งมอบการอยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้า อันสอดรับกับเจตนารมณ์ Inspiring experiences, creating places for good. หรือสร้างสรรค์พื้นที่ให้ประสบการณ์ที่ดีคงอยู่ ของเฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยอีกด้วย” นายสมบูรณ์กล่าว