การแข่งขันตลาดสีทาอาคาร รุนแรงต่อเนื่องตามการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐานรัฐ บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) มีเป้าหมายต่อยอดยุทธศาสตร์ที่ประกาศไว้เมื่อต้นปีกับการก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจสีและสารเคลือบผิวในประเทศไทยภายในปี 2569
นายวัชระ ศิริฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสี “นิปปอนเพนต์” ในประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตสีรายใหญ่อันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 4 ของโลก จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ธุรกิจของนิปปอนเพนต์ในปีนี้มีทั้งปัจจัยบวกและความท้าทายที่ต้องเผชิญ
โดยเฉพาะความท้าทายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบกับธุรกิจสีทาอาคาร นิปปอนเพนต์จึงมองหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อชดเชย และสร้างการเติบโตให้ต่อเนื่องและเพิ่มขึ้น เพื่อผลักดันเป้าหมายสำคัญ 2 ประการที่ตั้งไว้ให้สำเร็จ นั่นคือ การสร้างยอดขาย 11,000 ล้านบาท ในปี 2567 โดยจะนับเป็นยอดขายที่สูงที่สุดในรอบ 57 ปีของบริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และการก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจสีและสารเคลือบผิวในประเทศไทย ด้วยยอดขายกว่า 15,000 ล้านบาท ภายในปี 2569
เป้าหมายยอดขายในปีนี้คือการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% ขณะที่ตลาดรวมเติบโตเพียง 5% ดังนั้นอาศัยเพียงการเติบโตแบบออร์แกนิกคงไม่เพียงพอ แต่เราจะใช้วิธีการปรับเปลี่ยนภายในองค์กร โดยนำวิสัยทัศน์ Inspired by you มาเป็นหลักในการทำงานตามแบบ Think Global Act Local ที่มุ่งให้ความสำคัญ 3 ประการได้แก่
1.Customer Centric คือ การมุ่งเน้นลูกค้าทุกกลุ่มเป็นศูนย์กลางและเข้าใจความต้องการอย่างถ่องแท้
2.Customized Solution คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้ลูกค้า
และ3. Concrete Innovation คือ คุณภาพและมาตรฐานจะต้องมีผลทดสอบที่จับต้องได้ นับจากนี้ กระบวนการทำงานในทุกขั้นตอนของเราจะอยู่ภายใต้วิสัยทัศน์ Inspired by you ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการ โลจิสติกส์ รวมไปถึงการทำตลาด การสร้างแบรนด์ และการสื่อสารกับลูกค้า
นายวัชระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของนิปปอนเพนต์ 2 ประเด็นใหญ่ ๆ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มุ่งแก้ปัญหาให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่ม และการรุกเข้าไปในตลาดสีทาอาคารด้วยการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม B2C จากเดิมที่เน้นกลุ่ม B2B และ B2G เป็นหลัก
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในปีนี้มีไฮไลต์อยู่ที่การพัฒนาสีคุณสมบัติพิเศษ ที่แบรนด์ฯมั่นใจว่าศักยภาพของผลิตภัณฑ์จะแตกต่างและช่วยลดขั้นตอนการทำงานให้แก่ช่างและบริษัทก่อสร้าง เพื่อแก้ปัญหาให้เจ้าของโครงการในเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ลดต้นทุนแรงงาน ลดการพึ่งพาทักษะของช่าง นับเป็นวิธียกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างตามพันธกิจของนิปปอนเพนต์
นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาสีที่ใช้ในการตกแต่ง หรือ Special Effect Paint ให้มีราคาต่ำลง แต่ยังคงประสิทธิภาพและความสวยงาม เช่น สีเท็กซ์เจอร์ สีสร้างลาย เพื่อให้เจ้าของโครงการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และการพัฒนาสีที่เจาะเซ็กเมนต์เฉพาะในกลุ่ม B2B รวมทั้งการพัฒนาสีแบบ DIY สำหรับกลุ่ม B2C เพื่อช่วยลดความยุ่งยากในการทาสีและทำให้การทาสีเป็นเรื่องง่าย
ขณะเดียวกัน นิปปอนเพนต์จะมีการพัฒนาต่อยอดสีทาภายนอก “นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ (Nippon Paint Weatherbond)" ให้มีความทนทานสูงขึ้นอีก ซึ่งปัจจุบันสีนิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ จัดเป็นสีเกรดอัลตร้าพรีเมียมที่ใช้เทคโนโลยีสีเวเธอร์บอนด์จากประเทศญี่ปุ่น ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่ง มีความทนทานของฟิล์มสียาวนานกว่า 15 ปี รวมทั้งจะมีการพัฒนาการต่อยอดสีทาภายในเพื่อสุขภาพ “นิปปอนเพนต์ แอร์แคร์ (Nippon Paint AirCare)” ให้มีคุณสมบัติดียิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันสีนิปปอนเพนต์ แอร์แคร์ จัดเป็นสีสุขภาพเกรดอัลตร้าพรีเมียม 15 ปี ที่มีมาตรฐานสูงมาก เป็นสีหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับตรารับรอง GREENGUARD GOLD CERTIFICATION มาตรฐานระดับโลก ขั้นสูงสุด จากสถาบัน UL สหรัฐอเมริกา ยืนยันความห่างไกลอันตรายจากสารระเหยเป็นพิษ และยังเป็นสีปราศจากสารระเหย (Zero VOCs) ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ไร้กลิ่นฉุน ทาเสร็จพร้อมอยู่ได้ทันที
สำหรับการขยายตลาดสีทาอาคารเข้าไปในกลุ่ม B2C นิปปอนเพนต์จะใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Pull Marketing เพื่อดึงความสนใจจากลูกค้า โดยเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในปีนี้ คือ แคมเปญการตลาดภายใต้แนวคิด Inspired by you : สีที่คิดเพื่อคุณ ซึ่งจะมีทั้งภาพยนตร์โฆษณา และการใช้สื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมแบบ 360 องศา โดยนิปปอนเพนต์วางเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ในผลิตภัณฑ์สีทาอาคารที่อยู่ในใจผู้บริโภค (Top of Mind) จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 3
อย่างไรก็ตามสีทาอาคารแม้จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 50% ของตลาดสีรวมที่มีมูลค่า 60,000 ล้านบาท หากการขยายตลาดสีทาอาคารไปยังกลุ่มลูกค้า B2C ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างมากในกลุ่ม B2B และ B2G ก็จะช่วยผลักดันให้ยอดขาย 11,000 ล้านบาท ที่ตั้งไว้ในปีนี้เป็นไปตามเป้าอย่างแน่นอน และจะเป็นฐานสำคัญที่จะทำให้เป้าหมายที่จะเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจสีและสารเคลือบผิวภายใน 3 ปี สำเร็จตามไปด้วย
นอกจากนี้ เรายังมีจุดแข็งอื่น ๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนให้เป้าหมายของเราสำเร็จ ทั้งเรื่องความแข็งแกร่งในตลาดสีรถยนต์ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามแบบฉบับญี่ปุ่น และการที่นิปปอนเพนต์ได้ผนวก 3 ธุรกิจเข้าด้วยกัน คือ กลุ่มสีทาอาคาร กลุ่มสีพ่นรถยนต์ และกลุ่มสีสำหรับงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้มีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างกัน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่ม
ด้านนายณรงค์ฤทธิ์ มาลัยนวล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพยนตร์โฆษณาชุด Inspired by you : สีที่คิดเพื่อคุณ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้า B2C ว่า ภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้มาพร้อม Brand Tagline ใหม่ “สีที่คิดเพื่อคุณ” โดยใช้งบประมาณมากที่สุดในรอบ 10-15 ปี เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นกลุ่ม Gen X, Y และขยายไปยังกลุ่ม Gen Z ว่า
นิปปอนเพนต์เข้าใจความต้องการที่แตกต่างในการใช้สี เพราะเชื่อว่าความหลากหลายของบุคคลเมื่อรวมกันแล้วจะสร้างสรรค์และเติมเต็มซึ่งกันและกัน เฉกเช่นความหลากหลายของสีที่เมื่อรวมกันแล้วจะสร้างพลังบวก ส่งผลดีต่อจิตใจ สะท้อนความเป็นตัวตนรวมถึงบุคลิกของแต่ละคน และ นิปปอนเพนต์ก็พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการ ตอบทุกสีสัน ที่จะสร้างสรรค์โลกให้สวยงาม
“โฆษณาชุด Inspired by you : สีที่คิดเพื่อคุณ เป็นการปรับภาพลักษณ์ของนิปปอนเพนต์ให้ทันสมัยมากขึ้น และสื่อว่าเราเป็นสีที่เข้าใจทุกความต่างของแต่ละบุคคล พร้อมเชิดชูและสนับสนุนทุกความต่างนั้น นับเป็นการฉีกแนวการทำโฆษณาผลิตภัณฑ์สีทั่วไปที่มุ่งเน้นฟังก์ชันการใช้งานและคุณสมบัติของสีเป็นหลัก แต่เราไม่ต้องการเน้นจุดนั้น และไม่ต้องการเน้นแค่ว่าเราเชี่ยวชาญอย่างไร แต่อยากบอกว่านอกจากเราจะเชี่ยวชาญแล้ว เรายังนำความเชี่ยวชาญมาใช้ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ด้วย เราคาดหวังว่าโฆษณาชุดนี้จะทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์นิปปอนเพนต์ในฐานะ แบรนด์สีคุณภาพสูงที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น” นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าว