“แสนสิริ” งัดกลยุทธ์ รุกบ้านหรู คาดตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลังฟื้นตัว

ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ชะลอตัว  ผู้ประกอบการหลายค่ายต่างพลิกกลยุทธ์หนีกลุ่มกำลังซื้อเปราะบาง สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อ เช่นเดียวกับบริษัทแสนสิริจำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยมีนโยบาย เพิ่มสัดส่วนตลาดบ้านหรูเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงมากขึ้น

นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ว่า ในปีนี้แสนสิริจะให้ความสำคัญกับตลาดบ้านลักชัวรีมากขึ้น โดยเล็งเห็นถึงโอกาสในเซ็กเมนต์ นี้ที่ยังมีความต้องการมากขึ้นและมีกำลังซื้อ เพื่อแก้ปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน รวมไปถึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แสนสิริขึ้นแท่นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยโครงการใหม่ในปีนี้จะแบ่งสัดส่วนดังนี้ ตลาดกลุ่มพรีเมียม 38% ตลาดระดับกลาง 44% และตลาดแมสระดับราคาตํ่ากว่า 7 ล้านบาท 18% 

โดยกลยุทธ์สำคัญของแสนสิริในการรุกตลาดกลุ่มบ้านลักชัวรี ประกอบด้วยการให้ความสำคัญกับคุณภาพและความพิถีพิถันในรายละเอียดของงานก่อสร้าง ทั้งในด้านการคัดสรรวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพสูง รวมถึงการออกแบบ และสเปคที่ตอบโจทย์ความคาดหวังในระดับสูงของลูกค้ากลุ่มนี้ ประกอบกับการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจจากลูกค้า นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายและการดูแลด้านความปลอดภัย

ด้านผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2567 ต้องยอมรับว่าภาพรวมมีการหดตัวลง ความต้องการทั่วโลกลดลง แต่เป้าหมายยอดขายคาดว่ายังคงเดิม คือ โครงการบ้านลักชัวรีเปิดใหม่พรีเซลล์มูลค่า 5.2 หมื่นล้าน ด้วยว่ามองเห็นโอกาสในการฟื้นตัวจากช่วงวิกฤตโควิด นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาสู่ประเทศ รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ออกโดยรัฐบาลที่จะเป็นผลดีในไตรมาส 2 ต่อผู้ประกอบการที่มีสต๊อกอยู่ในคลัง ทั้งนี้ มองทำเลถนนหอการค้าไทย-แจ้งวัฒนะ มีความต่อเนื่องมากจากโซนราชพฤกษ์ที่กำลังขยายตัวมากขึ้น โดยโครงการนำร่องอย่าง เอลซ์ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ และสราญสิริ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ ที่มีมูลค่ารวมราวๆ 3,000 ล้านบาท ได้ปิดการขายทั้งหมดแล้ว จึงมองเห็นโอกาสที่ดีบนทำเลนี้ในอนาคต

สำหรับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ยังมีความต้องการและกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าอยู่ รวมไปถึงตามเมืองท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติยังให้ความสนใจกับแสนสิริ โดยเฉพาะประเทศที่มีความขัดแย้ง เช่น เมียนมา รัสเซีย มีกำลังซื้อที่เพิ่มเข้ามาอย่างเห็นได้ชัดโดยมองว่ามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อต่างชาติของรัฐบาลที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจประเทศไทยไปในทิศทางที่ดี และในต่างจังหวัดยังคงต้องการกำลังซื้อและการลงทุนจากต่างชาติ ทั้งนี้ หากมีการเพิ่มโควตาชาวต่างชาติต้องศึกษาความต้องการในแต่ละพื้นที่ และสร้างข้อจำกัดให้ไม่เกิดผลกระทบต่อคนในพื้นที่และการบริหารจัดการนิติบุคคลเช่นกัน

นอกจากนี้ การเช่าซื้อก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันตามกฎหมายอยู่ที่ 30 ปี ซึ่งนับเป็นหนึ่งช่วงอายุคนเท่านั้น หากเพิ่มเป็น 90 ปี มองว่ากำลังพอดีใน 3 รุ่นอายุคน สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นโกลบอลพร็อพเพอร์ตี้ได้ รวมไปถึงแผนธุรกิจของแสนสิริในชาวต่างชาติยังเน้นไปที่ตัวแทนจำหน่าย และแผนธุรกิจใหม่คือ Affiliate Marketing ที่สามารถลงทะเบียนกับทางแสนสิริ และแนะนำโครงการให้ลูกค้าคนอื่นโดยที่ไม่ต้องเป็นลูกบ้านของแสนสิริเพื่อรับคอมมิชชั่นได้ ทั้งนี้ยังคงเปิดรับโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตรในต่างประเทศเช่นกัน

ด้านสถาบันเงินที่มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ต้องถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการพิจารณาสินเชื่อที่ช่วยจะป้องกันภาวะหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าแสนสิริอยู่ที่ประมาณ 6-8% เนื่องมาจากภาระหนี้สินส่วนตัว ทั้งนี้แสนสิริได้สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและสถาบันการเงิน โดยมีผู้เชี่ยวชาญความรู้ด้านการเงินให้คำปรึกษาแนะนำ เพื่อสร้างวินัยทางการเงินให้กับลูกค้าของแสนสิริ และผลักดันให้พนักงานได้มีความรู้ด้านการเงิน

นายภูมิภักดิ์ กล่าวเสริมถึงเศรษฐกิจในภาพรวม ว่า ถึงแม้  GDP โดยเฉลี่ยจะเติบโต แต่เป็นเพียงภาพรวมที่ไม่ได้สะท้อนรายได้ของประชาชน ยังมีหนี้ครัวเรือนและภาระค่าใช้จ่ายที่สูง โดยที่อยู่อาศัยนับเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญ หากมีนโยบายลดดอกเบี้ย จะช่วยให้ภาระการผ่อนของประชาชนลดลง สำหรับต้นทุนของธุรกิจอสังหาฯ อย่างค่าแรงที่มีนโยบายปรับตัวขึ้น ยังมีผลกระทบต่อแสนสิริเพียงเล็กน้อย เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยเป็นแรงงานมีฝีมือ ทำให้ค่าแรงเฉลี่ยสูงกว่านโยบายค่าแรงของภาครัฐอยู่ที่ราว 500-700 บาท

“ผู้ประกอบการอสังหาฯ ควรศึกษาและระมัดระวังในการลงทุนในช่วงนี้ รวมไปถึงการบริการจัดการกระแสเงินสด และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร่วมผลักดันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปด้วยกัน ด้านประชาชน ควรคำนึงถึงกำลังซื้อและความพร้อมในการซื้ออสังหาฯ อย่างรอบครอบ ไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นปัญหาและภาระหนี้สินได้ในอนาคต” นายภูมิภักดิ์ กล่าวเสริม