ท่ามกลางสภาวะที่เศรษฐกิจและการลงทุนโลกเผชิญกับความผันผวนสูง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดการลงทุนเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอันหลากหลาย การถกเถียงระหว่างการลงทุนในสินทรัพย์ เช่น หุ้น เงินสด และอสังหาริมทรัพย์ ยังตกเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเสมอ
แต่อสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นการลงทุนในที่อยู่อาศัยซึ่งเติบโตในมูลค่าตลอดสิบปีที่ผ่าน จะยังคงเป็นแหล่งพักเงินปลอดภัย (Safe Haven) ที่ให้ผลตอบแทนมั่นคงกว่าในระยะยาวจริงหรือ
นายสุรเชษฐ์ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (มหาชน) หรือ Property DNA กล่าวว่า นักลงทุนกลุ่มใหม่ที่อายุตํ่ากว่า 30 ปีมักมองว่าอสังหาริมทรัพย์มีต้นทุนสูงและต้องใช้เวลานานในการสร้างผลตอบแทน โดยกลุ่มนี้หันไปสนใจการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถเห็นผลกำไรได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนการลงทุนตํ่ากว่า
เนื่องจากปัจจัยด้านสภาพคล่องและการเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์อย่างรวดเร็วที่ดึงดูดมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นช่องทางที่สร้างผลตอบแทนได้ไวกว่า
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยยังคงเป็นหนึ่งในรูปแบบการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุดและมีความผันผวนน้อย โดยเฉพาะในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินและการถือครองสินทรัพย์ในระยะยาว
เช่น กลุ่มผู้ที่อายุเกิน 35 ปี มักพิจารณาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวเลือกที่ให้ความมั่นคงกว่า การลงทุนในอสังหาฯ นั้นเหมาะกับผู้ที่สามารถถือครองระยะยาวได้ เพราะถึงแม้จะไม่สร้างผลตอบแทนในทันทีเหมือนหุ้นหรือสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ที่อยู่อาศัยเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากขึ้นตามกาลเวลา
อ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ดัชนีราคาที่ดินในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปรับตัวขึ้นกว่า 52% ขณะที่คอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ เช่น ทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว ปรับขึ้น 63% และ 48% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในอสังหาฯ ก็ยังคงต้องพิจารณาปัจจัยทำเล สภาพคล่อง รวมถึงความผันผวนที่ตํ่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่น
แม้ในปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจมีอุปทานเกินและราคาที่สูงขึ้น แต่ก็ยังสามารถเป็นแหล่งพักเงินที่น่าสนใจท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 34% และมีความผันผวนสูง
ประกอบกับการลงทุนในคอนโดฯ หรือบ้านแนวราบ อาจยังสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน ทั้งในรูปแบบการขายทำกำไรหรือปล่อยเช่าที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4-7% ต่อปี ขึ้นอยู่กับทำเลและประเภทของอสังหาฯ
ในอนาคตอสังหาริมทรัพย์อาจยังคงเป็นที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อการทำงานระยะไกลเป็นเรื่องปกติมากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่มีค่ามากขึ้นสำหรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในอสังหาฯ แม้จะสร้างผลตอบแทนได้ไม่สูงเท่ากับสินทรัพย์รูปแบบใหม่ แต่ยังมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตลอดเวลาไม่ว่าในสถานการณ์ใด ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินก็ยังคงอยู่ ยกเว้นหากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงจริงๆ ที่ทำให้บางพื้นที่มูลค่าของที่ดินหรืออสังหาฯ อาจจะลดลงได้ การมีความรู้และศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนลงทุนในอสังหาฯ จึงเป็นสิ่งจำเป็น
นอกจากนี้ การลงทุนในอสังหาฯปัจจุบันยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของบุตรหลานหรือคนรุ่นหลังในอนาคตได้ เพราะที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มที่จะมีราคาเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด โดยเฉพาะปัจจุบันที่ความนิยมของการทำงานแบบ Hybrid Working มีการเติบโตขึ้นอย่างมาก
ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และส่งเสริมการย้ายถิ่นฐาน ยังเพิ่มความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มชาวไทยและต่างชาติที่ต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยระยะสั้นหรือระยะยาว ทั้งนี้ อสังหาฯ ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและคงคุณค่าไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,040 วันที่ 31 ต.ค. - 2 พ.ย. พ.ศ. 2567