ความล่าช้าการประกาศใช้ ร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่4) ต้องขยับยาวออกไป เป็นต้นปี2569จากแผนเดิม ต้องประกาศใช้ในปี2568 ซึ่งเกิดจากการขยายเวลาเปิดรับฟังการมีส่วนร่วมของประชาชนเพิ่มมากขึ้น
การประกาศใช้ผังเมืองกรุงเทพมหานคร(ปรับปรุงครั้งที่4) ที่ล่าช้า ประเมินว่าจะเกิดการเสียโอกาสสำหรับดีเวลลอปเปอร์ที่มีที่ดินในมือหรือประชาชนที่ต้องการขายที่ดิน ในโซนที่มีการปรับเพิ่มการใช้ประโยชน์ที่ดิน
อย่างไรก็ตาม กรณีข้อเรียกร้องของสภาผู้บริโภค ที่ตั้งข้อสังเกตการจัดทำร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่มีการให้รายละเอียดผลกระทบ และการจัดรับฟังความคิดเห็น กรุงเทพมหานครไม่ได้สร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะ การกำหนดเขตทางจำนวนมากกระทบต่อการใช้ชีวิตประชาชนนั้น
นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง (สวพ.) กทม. ชี้แจงว่าการจัดทำร่างผังเมืองรวม กรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) กรุงเทพมหานคร ได้คำนึงถึงสิทธิ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการวางและจัดทำผังเมืองรวม ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 9 ของพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562
โดยจัดให้มีการประชุม เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั้งก่อนมีร่างและหลังมีร่างผังเมืองรวม ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 60-ปัจจุบัน ในการดำเนินการดังกล่าวได้ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องผ่านทางเว็บไซต์ของโครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมฯ (ปรับปรุงครั้งที่ 4) เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาข้อมูลก่อนการประชุม
พร้อมเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมการประชุม โดยไม่ได้เลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม ซึ่งผู้เข้าร่วมการประชุมสามารถรับเอกสารประกอบ การประชุม รับฟังและซักถามรายละเอียดได้ในที่ประชุม หรือแจ้งเป็นหนังสือให้ กทม. ทราบ โดย กทม. ได้เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นต่อร่างผังเมืองรวมได้ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 66 - 30 ส.ค. 67
รวมระยะเวลา 8 เดือน ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นแบบรายเขตทั้ง 50 เขตเพิ่มเติมด้วย โดยเป็นการจัดประชุมในสถานที่ ณ เขตต่าง ๆ ร่วมกับการประชุมแบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากที่สุด
โดย เป้าหมายของการจัดทำร่างผังเมืองใหม่ มุ่งเน้นรองรับ การลงทุนรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในเขตกทม.ทุกเส้นทางครอบคลุมพื้นที่กทม.และปริมณฑล อย่างไรก็ตาม ยอมรับประชาชนกังวลเกี่ยวกับ การเวนคืน ก่อสร้างถนน จำนวนมาก 148สาย ซึ่งเรื่องนี้ กทม.อยู่ระหว่างพิจารณาปรับจำนวนถนนที่เป็นข้อขัดแย้งลง
โดยยืนยันว่าการกำหนดเขตทางของถนนดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าจะเวนคืน ตามที่ประชาชนเข้าใจแต่เป็นลักษณะการเว้นระยะถอยร่นห้ามไม่ให้เกิดการก่อสร้างอาคารที่หนาแน่นล้ำแนวเขตทางที่กำหนดไว้ เพื่อลดภาระภาครัฐหากจำเป็นตอ้งขยายถนนในอนาคต ขณะเดียวกันกทม.จะไม่ขยายการเปิดรับฟังความเห็นประชาชนเพิ่มอีก และนับจากนี้จะเดินหน้าการจัดทำร่างผังเมืองรวมฯในขั้นตอนอื่นๆต่อไป
คาดการณ์ว่าการบังคับใช้ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร(ปรับปรุงครั้งที่4) อย่างเร็วปลายปี2568 อย่างช้าต้นปี2569 และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่มากไปกว่านี้ เพราะถือว่าร่างผังเมืองรวมฯฉบับนี้ถือว่าเปิดกว้างที่สุดแล้ว
สำหรับ ข้อโต้แย้ง ของสภาผู้บริโภค ต่อร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่4) มีผลกระทบ9ข้อ โดยเฉพาะการตัดถนนใหม่ กว่า 148 สาย และต้องเวนคืนในหลายพื้นที่
โดยพบปัญหาดังนี้
2. กระบวนการรับฟังความเห็นอย่างไม่เท่าเทียม มีการจัดรับฟังความคิดเห็น ผู้ทรงคุณวุฒิ หน่วยงานราชการองค์การรัฐวิสาหกิจและองค์กรวิชาชีพ ทั้งหมด 3 วันเต็ม แต่ประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนเพียง 1 วัน
4.การชี้แจงเนื้อหาการจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ยังไม่มีการสะท้อนถึง “ผลกระทบ” ที่อาจเกิดขึ้นต่อประชาชนในทุกมิติ เช่น การพัฒนาการคมนาคม การพัฒนาการใช้ประโยชน์ที่ดิน แต่มุ่งให้ความสำคัญต่อผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ การลงทุนของกลุ่มคนบางกลุ่ม มากกว่าการคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของชุมชน
6. การดำเนินการ ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา ๓๗ วรรค 4 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 บัญญัติว่า กฎหมายเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ต้องระบุวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน และกำหนดระยะเวลาการเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ให้ชัดแจ้ง แต่การทำผังเมืองรวมที่ระบุแนวการขยายถนน หรือการตัดถนนใหม่ กว่า 148 สาย ระยะทางรวมกว่า 600 กิโลเมตร ,แผนผังแสดงผังน้ำ ที่มีการวางแนวการขยายคลอง ตัดคลอง หรือทำอุโมงค์ระบายน้ำใหม่ กว่า 200 สาย ที่ส่งผลไปถึงเรื่องการเวนคืนที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่มีการระบุระยะเวลา และงบประมาณที่ชัดแจ้ง
8.ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 72(2) บัญญัติว่า รัฐต้องจัดให้มีการวางผังเมืองทุกระดับและบังคับการให้เป็นไปตามผังเมืองอย่างมีประสิทธิภาพรวมตลอดทั้งพัฒนาเมืองให้มีความเจริญโดยสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ แต่ประชาชนไม่ทราบถึงกระบวนการต่าง ๆ มากถึง ร้อยละ 95
นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนจากชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร โดยได้รวบรวมรายชื่อกว่า 493 รายชื่อมายื่นต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อให้ตรวจสอบกระบวนการจัดทำเนื่องจากเราพบว่ากรุงเทพมหานครดำเนินการละเมิดสิทธิของชุมชน
“พบว่ากรุงเทพมหานคร จัดทำผังเมืองรวมฯละเมิดสิทธิของชุมชนในหลายประเด็น อาทิ กฎหมายกำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นก่อนที่จะมีการจัดทำร่างผังเมืองรวมฯ แต่ กทม.ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว จึงขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้รับฟังปัญหาก่อนว่าประชาชน มีปัญหาอะไรกับการใช้ผังเมืองเดิมหรือไม่ ทั้งในเรื่องน้ำท่วม การก่อสร้างอาคารสูงหรือไม่ หรือสภาพเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วง 10 -20 ปีที่ผ่าน เพื่อนำเอาความคิดเห็นและปัญหาความต้องการดังกล่าวมาออกแบบผังเมืองใหม่ให้ใช้ประโยชน์ร่วม แต่ กทม.ติดกระดุมผิดเม็ดทำผิดขั้นตอน โดยนำร่างผังเมืองใหม่ มาอยู่ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ทำให้ประชาชนอยู่ในสภาพจำยอมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ และ ไม่มีโอกาส หรือมีส่วนร่วมรับรู้ผลกระทบต่อชุมชน”