เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 โพสต์ทูเดย์ ร่วมกับสปริงนิวส์ และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน) ร่วมกันจัดงาน งานสัมนา Thailand Smart City Expo 2025 “การจัดการเมืองอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีและ AI
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต” ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น 6 โรงแรม อีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้แนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของประเทศไทย จากวิสัยทัศน์และนวัตกรรมใหม่ๆ
ในการสร้างเมืองอัจฉริยะที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่การรักษาสิ่งแวดล้อมและการบรรลุเป้าหมาย Net Zero เรียนรู้จากประสบการณ์และบทเรียนจากการบรรยายของผู้บริหารระดับสูงองค์กรภาครัฐและเอกชนชั้นนำ
ที่จะมาแบ่งปันแนวคิดและวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับวิทยากรและผู้เข้าร่วมงานท่านอื่นๆ พร้อมรับชมการสาธิตและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ โดยงานปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมงานจำนวนมาก
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC กล่าวว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจกต์ ครอบคลุมพื้นที่ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา มีเป้าหมายดึงการลงทุนจากต่างชาติเข้าสู่ไทย โดยเน้นอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (BCG) และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เช่น ท่าเรือ สนามบินอู่ตะเภา และรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง ข้อได้เปรียบสำคัญคือการอนุมัติรวดเร็วตามกฎหมายพิเศษของ EEC ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาอย่างรวดเร็ว โดยมีแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ EEC Capital City ในแนวทาง Smart-Green-Sustainable
ตั้งเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 และมุ่งสร้างเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการนำ AI มาพัฒนาเพื่อเก็บข้อมูลของเมืองนี้ สร้างเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถนำไปต่อยอดการพัฒนาในอนาคต
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ กล่าวว่าการพัฒนา Smart City ในกรุงเทพฯ มุ่งเน้นเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อตอบโจทย์ประชาชนเป็นหลัก ภายใต้นโยบาย "เมืองอัจฉริยะที่ฉลาดพอ" โดยเน้นประสิทธิภาพ โปร่งใส และเน้น "คน" เป็นหัวใจหลัก โครงการ Traffy Fondue ใช้ AI รับเรื่องร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชันเพื่อ
เพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ ยังเปิดข้อมูล Open Data เปิดเผยข้อมูลทุกรูปแบบ เป็น Machine Readable เข้าไปตรวจสอบ ติดตาม งบประมาณ นโยบายต่างๆ ได้ทั้งหมด ผ่านระบบออนไลน์ ลดเวลาการอนุมัติการก่อสร้าง และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเดินทางที่สะดวก มุ่งสู่เมืองที่เป็นประชาธิปไตยและทุกคนเข้าถึงการแก้ปัญหาได้
“ผมคิดว่า Smart City ที่แท้จริง คือการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ประชาชนมีอำนาจ และเป็นประชาธิปไตยมาก ทุกคนสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเท่าเทียมกัน ถ้าเราโฟกัสในจุดเล็กๆ เราจะสร้าง Smart City ที่ตอบโจทย์ประชาชนได้”
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและสร้าง Smart City ผ่านการใช้ AI พัฒนาประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน นโยบายหลักประกอบด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความมั่นคงของข้อมูล และพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัล
โดยมี “กุญแจสามดอก” คือ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล และพัฒนาความรู้ดิจิทัลแก่บุคลากร โครงการ CDP (City Data Platform) จะเป็นระบบเก็บข้อมูล
เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมือง 175 พื้นที่ทั่วไทย ขณะที่ AI จะนำมาช่วยพัฒนาสมาร์ทซิตี้ด้านการขนส่ง พลังงาน และการวางผังเมือง นอกจากนี้กระทรวงดีอียังร่วมกับ BOI ดึงดูดการลงทุนเทคโนโลยีจากบริษัทใหญ่ เช่น Google เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ไทยเป็นประเทศน่าอยู่ด้วยเทคโนโลยี