นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ศุภาลัยประสบความสำเร็จในการเติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้น 6% จากปีที่ผ่านมา รายได้หลักมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวราบคิดเป็น 64% และคอนโดมิเนียม 36%
ซึ่งโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ เช่น ศุภาลัย ไอคอน สาทร และ ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้ ศุภาลัยยังมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมโอนในมือมูลค่า 28,000 ล้านบาท ตอกย้ำความต้องการในกลุ่มตลาด Real Demand อย่างชัดเจน
ในด้านกำไรสุทธิ ศุภาลัยรายงานตัวเลข 4,201 ล้านบาทในงวด 9 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ซึ่งมีกำไรสูงถึง 1,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 67% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการรักษาอัตรากำไรสุทธิให้สูงถึง 18.4%
รวมถึงการควบคุมอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนผู้ถือหุ้นให้อยู่ที่ระดับ 51% ซึ่งแสดงถึงความมั่นคงทางการเงิน นอกจากนี้ บริษัทมี Backlog รอรับรู้รายได้กว่า 13,216 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 7,925 ล้านบาท และอีก 5,291 ล้านบาทในปี 2568-2569
นอกจากผลประกอบการที่เติบโตอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ศุภาลัยยังได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A” จากทริสเรทติ้งต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ตอกย้ำถึงสถานะการเงินที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องดีเยี่ยมในตลาดอสังหาฯ
นายไตรเตชะ ยังเปิดเผยถึงแผนโครงการในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 ว่า ศุภาลัยเตรียมเปิดโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวม 13,730 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 6 โครงการและคอนโดมิเนียม 4 โครงการ โดยโครงการคอนโดมิเนียมจะอยู่ในทำเลศักยภาพ
เช่น ศุภาลัย ธาม เจริญนคร, ศุภาลัย บลู สาทร-ราชพฤกษ์, ศุภาลัย เซนส์ เขารัง ภูเก็ต และศุภาลัย คราม เขาเต่า ด้านโครงการแนวราบจะมีโครงการระดับลักชัวรี เช่น ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ อรุณอมรินทร์ และศุภาลัย แกรนด์วิลล์ สุขุมวิท-บางนา ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างมั่นคง