“วัน แบงค็อก” ต้นแบบเมืองอัจฉริยะสุดล้ำ! ชูเทคโนโลยียกระดับประสบการณ์

16 พ.ย. 2567 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :16 พ.ย. 2567 | 04:00 น.

“วัน แบงค็อก” โครงการมิกซ์ยูสต้นแบบเมืองอัจฉริยะ ผสานเทคโนโลยี AI และ IoT กับแนวคิด People-Centricity, Sustainability และ Smart City Living เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนและครบครันใจกลางกรุงเทพฯ

One Bangkok (วัน แบงค็อก) โครงการมิกซ์ยูสเมกะโปรเจ็กต์ ล่าสุด ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะเมืองต้นแบบ Smart City ตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 และถนนวิทยุ ครอบคลุมพื้นที่ 17.3 เฮกตาร์ ประกอบไปด้วย อาคารสำนักงาน 5 อาคาร พื้นที่ค้าปลีก 3 อาคาร ที่อยู่อาศัย 3 อาคาร โรงแรม 5 อาคาร และพื้นที่ความบันเทิง 1 อาคาร ถือได้ว่าเป็นโครงการมิกซ์ยูสอย่างครบครัน และได้นำเทคโนโลยีลํ้าสมัยเข้ามาผสานกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้อยู่อาศัย ผู้เช่า และผู้ใช้อาคาร

นายแอนโทนี่ อรันเดลล์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเทคโนโลยีและดิจิทัล วัน แบงค็อก ได้เผยถึงวิสัยทัศน์ของการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในงานในงานสัมมนา “Thailand Smart City 2025” ที่จัดขึ้นโดย “โพสต์ทูเดย์” เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ว่าดังนี้ สิ่งที่ทำให้วันแบง ค็อก เป็นเมืองอัจฉริยะคือเทคโนโลยี ในโครงการวัน แบงค็อกใช้ระบบ AI และ IoT ในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานและบริการในเขตพื้นที่

โดยติดตั้งจุดควบคุมและเซ็นเซอร์กว่า 275,000 จุดทั่วพื้นที่ รวมถึงกล้องวงจรปิดกว่า 5,000 ตัว และจุดชาร์จ EV กว่า 432 จุด จุดเชื่อมต่อหลายพันจุดและ Wi-Fi และ 5G ที่ครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีศูนย์ควบคุมการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

และศูนย์ข้อมูลที่จัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน โดยข้อมูลจากเซ็นเซอร์ในพื้นที่จะถูกใช้วิเคราะห์ในด้านพลังงานและการบริหารจัดการทรัพยากร รวมถึงการลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“แต่เราไม่ได้มองเรื่องของเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้เป็นหลัก แต่เน้นที่ประสบการณ์ที่ต้องการมอบให้กับผู้มาเยือนในโครงการเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า” นายแอนโทนี่กล่าว

ในกระบวนการพัฒนาโครงการ วัน แบงค็อก จึงได้รับ
การออกแบบและพัฒนาโดยยึดตามแนวคิด 3 ประการ ได้แก่ “People-Centricity” ที่เน้นการพัฒนาพื้นที่โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้งานเป็นหลัก “Sustainability” ซึ่งมุ่งลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และ “Smart City Living” ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คน นำมาผสานเข้าด้วยกัน

ด้วยเหตุนี้ โครงการวัน แบงค็อก จึงสามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่า 32,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นในการลดค่าใช้จ่ายและสร้างความยั่งยืนใน
ระยะยาว โดยระบบจัดการพลังงานภายในโครงการนั้นใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการควบคุมการใช้พลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของระบบทำความเย็นและระบบไฟฟ้า ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและทรัพยากร การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในระดับสูงสุดยังสามารถลดค่าสาธารณูปโภคได้ประมาณ 34% ลดค่าทำความสะอาดลง 49% และลดต้นทุนการดำเนินงานโดยรวมได้ถึง 26% เมื่อเทียบกับมาตรฐานทั่วไป
    “นี่จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นการให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นหลัก และนำเทคโนโลยีมาผสาน เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน และเสริมสร้างประสบการณ์ของผู้เช่า 
ผู้อยู่อาศัย และผู้ใช้อาคารให้ดียิ่งขึ้น”
    การพัฒนา วัน แบงค็อก จึงเป็นมากกว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์ ด้วยแนวคิดการพัฒนาที่เน้นการออกแบบที่เป็นมิตรกับผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้บริการ และด้วยวิสัยทัศน์ที่ยั่งยืน 
วัน แบงค็อก ได้กลายเป็นต้นแบบเมืองอัจฉริยะ และสร้าง
มาตรฐานใหม่ที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายโครงการในอนาคต 

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,045 วันที่ 17 - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567