นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีความท้าทาย แต่ภาพรวมการดำเนินงานของสิงห์ เอสเตทในช่วง 9 เดือนแรกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยผลประกอบการรอบ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้รวม 11,431 ล้านบาท เติบโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เติบโตสูงถึง 50% คิดเป็นมูลค่า 2,534 ล้านบาท
จากการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการสำคัญ เช่น สริน ราชพฤกษ์-สาย 1 (S’RIN Ratchapruek - Sai 1) ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ (THE EXTRO Phayathai-Rangnam) และดิ เอส สุขุมวิท 36 (The ESSE Sukhumvit 36)
ด้านธุรกิจโรงแรม มีรายได้รวม 8,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% โดยได้แรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการปรับปรุงห้องพักในโรงแรมบางส่วน ที่ช่วยให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) เพิ่มขึ้นกว่า 15% ขณะเดียวกัน การขยายฐานลูกค้าในตลาดใหม่ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตโรงแรมของบริษัท
ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ซึ่งสามารถโอนที่ดินให้นักลงทุนไปแล้ว 56 ไร่ในช่วง 9 เดือนแรก สร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาทจากส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในนิคม นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนต่างชาติ เช่น จีนและไต้หวัน สนใจเข้าชมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงานของบริษัทฯ ยังคงสร้างความสำเร็จ โดยโครงการ เอส โอเอซิส (S-OASIS) ได้รับรางวัล Global Business Outlook Award 2024 สาขา Most Innovative New Office Building Development และมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นกว่า 10% ด้วยอัตราการปล่อยเช่าที่ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ เอส โอเอซิส ซึ่งออกแบบด้วยแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และสามารถดึงดูดผู้เช่าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมได้ โดยคาดว่าอัตราการปล่อยเช่าจะบรรลุเป้าหมาย 50% ภายในสิ้นปี 2567 นี้
นางฐิติมา ยังกล่าวเสริมว่า สิงห์ เอสเตทยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการเติบโตที่แข็งแกร่งในธุรกิจที่พักอาศัย โดยเฉพาะในเซกเมนต์ลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี และเพื่อเสริมความแกร่งในตลาดลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี
สิงห์ เอสเตท ยังได้เตรียมเปิดตัวอีก 4 โครงการใหม่ในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุน 1 โครงการในทำเลพระราม 3 และบ้านเดี่ยว 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ สมิทธ์ (SMYTH’S) ได้แก่ รามอินทรา เกษตร-นวมินทร์ และ S’RIN Prannok-Kanchana (สริน พรานนก-กาญจนา) บนถนนพรานนก-ตัดใหม่ รวมมูลค่ากว่า 8,800 ล้านบาท
นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตทยังวางเป้าหมายโอนกรรมสิทธิ์ 38% จากยอด Backlog ที่เหลือ 1,824 ล้านบาทในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เพื่อผลักดันรายได้ทั้งปีให้เติบโตตามเป้าหมาย
ขณะเดียวกันยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจโรงแรม ด้วยการปรับปรุงและขยายฐานลูกค้าในตลาดใหม่ เช่น โรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต (SAii Laguna Phuket) ที่จะกลับมาเปิดให้บริการห้องพักเพิ่มเติมอีก 173 ห้องในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อรองรับฤดูกาลท่องเที่ยว