วัสดุตกแต่งบ้านไม่เพียงแต่มีผลต่อการสร้างบรรยากาศในบ้าน แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการกระตุ้นอุตสาหกรรมต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ไปจนถึงระดับโลก แม้ปี2567 ต้องเผชิญกับเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อชะลอตัว ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง แต่ในภาพรวมมองว่า ธุรกิจนี้ ยังคงเติบโต โดยเฉพาะความต้องการที่อยู่อาศัย รวมถึงการรีโนเวทบ้านใหม่ ส่งผล ให้แต่ละค่ายพลิกกลยุทธ์พัฒนารูปแบบและนวัตกรรมให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
แนวคิดบริหาร "โฮมสุขภัณฑ์”
เช่นเดียวกับ “โฮมสุขภัณฑ์” ศูนย์จัดจำหน่ายกระเบื้องสุขภัณฑ์ สินค้า วัสดุตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน รายใหญ่ทางภาคเหนือ โดยมีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้การนำของ “นพ อนุรุทธิ์เนตรศิริ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม สุขภัณฑ์ จํากัด (มหาชน)
ถ่ายถอดวิสัยทัศน์การบริหารธุรกิจ ให้เติบโตท่าม กลางความท้าทายว่า บริษัท มีแนว คิด มุ่งพัฒนา “โฮมสุขภัณฑ์” ให้เป็นผู้ชำนาญการด้านกระเบื้องเซรามิคและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับห้องนํ้า ห้องครัว รวมถึงเป็นผู้ชำนาญการด้านวัสดุตกแต่ง วัสดุปิดผิวต่างๆ โดยส่วนตัว มองว่า การสร้างบ้านบางคนอาจจะสร้างเพียงหลังเดียวในชีวิตจึงมีแนวคิดที่จะมอบประสบการณ์ให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดี
เจาะกลยุทธ์ สร้างความได้เปรียบ
จากความชำนาญ และคลุกคลีเรื่องกระเบื้อง มากว่า 40 ปี ทำให้ เข้าใจเทรนด์ที่ผู้บริโภคต้องการเพราะกระเบื้องเป็นสินค้าแฟชั่น ที่ “โฮมสุขภัณฑ์” ได้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาทุกเดือนในทุกสาขา ซึ่งประกอบด้วย 4 สาขา 3 จังหวัด โดยสาขาเชียงใหม่ เชียงราย แม่สาย และพะเยาเจาะกลุ่มลูกค้า และกำลังซื้อในโซนภาคเหนือ แบ่งกลุ่มลูกค้า ออกเป็น 5 กลุ่ม
ได้แก่ 1.กลุ่มเจ้าของบ้าน ที่มาเลือกซื้อสินค้าเอง
2.กลุ่มผู้รับเหมา รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้างต่าง ๆ
3.กลุ่มสถาปนิก
4.กลุ่มเจ้าของโครงการ อสังหาริมทรัพย์
และ5.กลุ่มหน่วยงานรัฐ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ต่างๆ
โดยให้นํ้าหนักกลุ่มลูกค้า ปลีก/รายย่อย 71% โครงการ 18% ช่าง/ผู้รับเหมาก่อสร้าง 9% สถาปนิก2% ขณะผลการดำเนินงาน ปี2564 รายได้ 1,077.17 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 212.05 (19.69%) ปี2565 รายได้1,138.45ล้านบาท กำไรขั้นต้น 218.78 (19.22%) ปี2566 รายได้ 1,236.45 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 242.68 ล้านบาท (19.63%) ปี 2567 6เดือนแรกรายได้ 544.44 ล้านบาท
ตลาดภาคเหนือตอนบน เป็นจังหวัดที่น่าลงทุน นอกจากนี้ยังแผนขยาย สาขา ไปยังภาคอีสาน จังหวัดนครราชสีมาโดยมองว่า ตลาดเติบโตสูง อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นคนพิถีพิถัน ต้องการให้ผู้บริโภค ได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพแต่ราคาจับต้องได้ บริษัทจึงใช้กลยุทธ์ เลือกกระเบื้อง สุขภัณฑ์ ต่างๆด้วยตัวเอง ทำให้สามารถ ลดต้นทุนลงได้มาก ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกระเบื้องแฟชั่นสามารถวางขายในราคาตั้งแต่ 99 บาท ไปจนถึง 499 บาทต่อตารางเมตร
การเติบโต-แข่งขันในธุรกิจนี้
“นพ”ตอกยํ้า ว่า “เราเติบโตจากสินค้ากลุ่มกระเบื้องเซรามิค ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับห้องนํ้า ทำให้มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มสินค้าประเภทนี้ อีกทั้งยังมีสินค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะกระเบื้องเซรามิค ปัจจุบันโฮม สุขภัณฑ์ มีกระเบื้องเซรามิคที่ผลิตในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกระเบื้องนำเข้า บริษัทมีแหล่งนำเข้ากระเบื้องจากต่างประเทศกว่า 100 โรงงาน จากหลายแหล่งทั้งจากประเทศจีน,อินเดีย,เวียดนาม, อินโดนีเซีย,อิตาลี,สเปน บริษัทฯ มั่นใจว่า เราน่าจะเป็นหนึ่งในทางเลือกอันดับต้น ๆ ในใจของลูกค้า ถ้าต้องการเลือกซื้อกระเบื้องเซรามิค ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับห้องนํ้า สินค้ากระเบื้องเซรามิคเป็นสินค้าแฟชั่น บริษัทมีการคัดเลือกกระเบื้องเซรามิคลายใหม่ ๆ สวยงาม เข้ามาจัดจำหน่ายใน Store ของบริษัททุก ๆ เดือน”
ด้านการแข่งขันเนื่องจากบริษัทมีการนำเข้ากระเบื้องเซรามิคจากหลายแหล่ง มีกระเบื้องในโชว์รูมกว่า1,000ดีไซน์ มีการอัพเดตลายใหม่ๆ อยู่ตลอด ทำให้บริษัทมั่นใจว่า บริษัทเป็นผู้นำด้านกระเบื้องเซรามิคในตลาดภาคเหนือตอนบน และบริษัทมีทีมออกแบบที่มีความชำนาญ ในการออกแบบให้ลูกค้าได้เห็นภาพเสมือนจริง และยังมีห้องโชว์กระเบื้องเซรามิค ที่สร้างจินตนาการให้ลูกค้าได้เห็นและสัมผัส
ตลาดวัสดุก่อสร้างในเชียงใหม่
ขณะภาพรวมธุรกิจวัสดุก่อสร้างในเชียงใหม่ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง “นพ” สะท้อนตัวเลขการเติบโต จากสถิติของสำนักงานคลังจังหวัดเชียงใหม่ คาดการณ์ว่าวัสดุก่อสร้างในเชียงใหม่ มีมูลค่ารวมมากถึง 13,000ล้านบาทในปี 2567โดยมูลค่าวัสดุตกแต่งที่โฮม สุขภัณฑ์อยู่ในตลาดมีขนาด 40% จากตัวเลขคาดการณ์ 5,200 ล้านบาท สาขาเชียงใหม่มียอดขายปี 2567 ประมาณ 800 ล้านบาท โดย “โฮม สุขภัณฑ์” น่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดในจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 15% ของตลาดวัสดุตกแต่ง
จากตึกแถวสู่อาณาจักรโฮมสุขภัณฑ์
“นพ”เล่า ย้อนความเป็นมา ของจุดเริ่มต้นธุรกิจกระทั่งมาสู่ อาณาจักร “โฮมสุขภัณฑ์” ในปัจจุบันว่า ธุรกิจดั้งเดิมของคุณพ่อและคุณแม่ เป็นธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งไม้ปาเก้ กระทั่งปี 2524 ได้เปิด หจก.เชียงใหม่ลำปางปาเก้สุขภัณฑ์ เป็นตึกแถว 3 คูหา บนถนนช้างเผือก ในปี2528 ได้เริ่มนำสินค้ากระเบื้องเซรามิค สุขภัณฑ์ เข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม และเพิ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับครัวเข้ามาภายหลังรวมถึงวัสดุตกแต่งบ้าน และในปี 2548 ได้มาเปิด Store แห่งใหม่
ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ในปัจจุบัน และเปลี่ยนมาใช้ชื่อ หจก.โฮม สุขภัณฑ์ เพื่อให้ลูกค้าจดจำว่าเป็นร้านขายสินค้าเกี่ยวกับบ้านและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับห้องนํ้า บนพื้นที่ 38 ไร่ พื้นที่ขาย 7,000 ตารางเมตร และคลังเก็บสินค้าขนาดใหญ่เกือบ 30,000 ตารางเมตร ปี2557 ได้ขยายไปเปิดสาขาเชียงราย ปี2562 เปิดสาขาแม่สาย และปี2565 เปิดสาขาพะเยา
“ภาพรวม ทุกสาขาจะเน้นตลาดเจ้าของบ้านมากที่สุด ที่ 50% ช่าง-ผู้รับเหมา -เจ้าของโครงการ-สถาปนิก รวมกัน30% ที่เหลือเป็นเครดิตสินเชื่อ ส่วนรายได้ ปัจจุบัน ปี 2567 จำนวน 1,100ล้านบาท โดยปี2566 อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท โดยปีนี้ลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ”
5ปีผู้นำตลาดภูมิภาค
สำหรับปี2568ตั้งเป้าเติบโต 5% เทียบจากรายได้ช่วงเดียวกันของปี2567 โดยมีปัจจัยมาจาก มีสินค้านำเข้าต่างๆเข้ามาเสริมมากขึ้น เชื่อว่าสินค้ากลุ่มนี้จะเพิ่มการขายให้กับ บริษัท ในเรื่องของไม้เทียม ขณะเทคนิคการพิจารณาเลือกดูสินค้า จากประสบการณ์ที่ ทำตลาดของ บริษัทๆ ได้ ไปดูสินค้าดูเรื่องคุณภาพ สินค้าที่นำเข้าทุกอย่าง จะต้องไปตรวจที่โรงงาน มีการควบคุมคุณภาพ (Quality Control : QC) ก่อนที่จะตัดสินใจนำสินค้าเข้ามา ดังนั้น ความเสี่ยงจะไม่มี ซึ่งกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานที่วางไว้ โดยขยายสาขาเพิ่มภายใน 5 ปี และเป็นผู้นำด้านแฟชั่นกระเบื้องเซรามิค สุขภัณฑ์ วัสดุปิดพื้นผิวในตลาดภูมิภาคของประเทศไทย
นี่คือกลยุทธ์ธุรกิจสำหรับ “โฮมสุขภัณฑ์” ผู้นำตลาดภาคเหนือตอนบน และมีเป้าหมายผู้นำตลาดภูมิภาคของไทยในอีก5ปีข้างหน้า ซึ่งประโยคนี้ไม่เกินจริงนัก!!
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,046 วันที่ 21 - 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567