ปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาท้าทายของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและการคาดการณ์ว่าธุรกิจอสังหาฯ ของไทยปิดปีด้วยการติดลบสูงสุดในรอบทศวรรษ
ในขณะที่หลายธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด "ไทวัสดุ" กลับสามารถเติบโตได้สวนกระแส ด้วยผลประกอบการแข็งแกร่งและยอดขายรวมปี 2566 ที่แตะนิวไฮ 40,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 11% ต่อปี
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของไทวัสดุคือการสร้างโมเดลไฮบริดสโตร์ “ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม” ที่รวมวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านไว้ในที่เดียว เปิดตัวครั้งแรกที่สาขาศรีสมานในปี 2021 นำเสนอสินค้ากว่า 50,000 รายการ
เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่ช่าง ผู้รับเหมา ไปจนถึงเจ้าของบ้าน นอกจากนี้ ไทวัสดุยังเพิ่มไลน์สินค้าพรีเมียมเพื่อเจาะตลาดลูกค้าระดับกลางถึงสูง ทำให้การซื้อวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านสะดวก และครบวงจรมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งจุดแข็งของไทวัสดุคือการนำเสนอราคาสินค้าที่แข่งขันได้ ด้วยกลยุทธ์ Big Volume Order ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าในราคาต่ำ พร้อมจัดโปรโมชันรายเดือน เช่น ส่วนลดสูงสุดถึง 70% และบริการจัดส่งฟรี ครอบคลุมทั้งหน้าร้านและช่องทางออนไลน์
และด้วยจำนวนสาขารวมกว่า 103 แห่ง ไทวัสดุเข้าถึงลูกค้าในทุกภูมิภาคของประเทศ โดยตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง เช่น ถนนสายหลักและจุดเชื่อมต่อระหว่างเมือง การกระจายสาขาแบบ "ป่าล้อมเมือง" ทำให้ไทวัสดุสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย ตั้งแต่รายย่อยจนถึงผู้ประกอบการขนาดใหญ่
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ขยายสาขาไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮมเพิ่มอีก 8 แห่ง ครอบคลุมทั่ว 50 จังหวัด รวมเป็น 103 สาขาทั่วประเทศ พร้อมตั้งเป้าขยายเพิ่มในปี 2568 โดยทุกสาขาใหม่ยังมีการจ้างงานคนในพื้นที่กว่า 200 ตำแหน่ง
อีกทั้งไทวัสดุยังมีบริการหลังการขาย เช่น "vFIX" บริการซ่อมแซมและติดตั้งสินค้าโดยช่างมืออาชีพ และการพัฒนาแพลตฟอร์ม Omnichannel ที่ผสานระหว่างหน้าร้านกับช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถช้อปได้สะดวกยิ่งขึ้น
นายสุทธิสาร ยังกล่าวเสริมว่า ตลอดระยะเวลา 14 ปี ไทวัสดุยังมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และส่งมอบประสบการณ์การช้อปที่ดี พร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการ รวมถึงการเน้นเรื่องความยั่งยืน เช่น การจำหน่ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเป็นผู้นำในด้านกรีนโลจิสติกส์ ด้วยการใช้รถบรรทุกพลังงานสะอาดในระบบขนส่งสินค้า
นอกจากนี้ ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ได้ยึดหลักปรัชญาดำเนินธุรกิจ CRC CARE ภายใต้เซ็นทรัล รีเทล ในด้าน CARE FOR THE COMMUNITY เพื่อยกระดับคุณภาพชิวิตของผู้คนในท้องถิ่น เช่น ร่วมบริจาคเงินสนับสนุนสถานพยาบาลในชุมชน มูลค่ากว่า 400,000 บาท
รวมไปถึงการยึดมั่นในด้านความยั่งยืน CRC CARE FOR SUSTAINABILITY ซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เช่น การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการนำรถบรรทุกพลังงานสะอาด หรือ EV Truck มาใช้ในการขนส่งสินค้า เพื่อร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และส่งต่อความยั่งยืนสู๋ตัวบุคคลเช่นเดียวกัน
ด้วยการเปิดศูนย์บริการลูกค้า Contact Center ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคุณภาชีวิตคนพิการ โดยมีคนพิการกว่า 100 คน ได้ปฏิบัติงานในตำแหน่ง Call Center ซึ่งเป็นการส่งเสริมอาชีพผู้พิการให้มีรายได้มั่นคง
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะยังได้เห็นการเดินทางของไทวัสดุในปีต่อๆไปว่าจะมีทิศทางการเติบโตที่สูงขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของสถานการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจ สังคม ซึ่งส่งผลกระทบในการดำเนินงานทุกธุรกิจและทุกองค์กร ที่ต้องมีการปรับตัว ไม่อยู่นิ่ง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ท้าทายของ ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ในอนาคต