ปัญหาฝุ่นพิษหรือPM2.5 ทวีความรุนแรง ยากต่อการควบคุม หลายฝ่ายกังวลว่า นอกจากจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแล้ว ยังมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศ
ที่รัฐบาล แพทองธาร ให้ความสำคัญยกระดับเป็นนโยบายระดับชาติ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือ โดยมีหมุดหมายหยุดปัญหาฝุ่นจากต้นตอ และที่มองข้ามไม่ได้คือภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง อีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดฝุ่นพิษ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนควบคุมไม่รัดกุมเพียงพอ อาจนำมาซึ่งการฟุ้งกระจายเป็นวงกว้างได้
ออกกฎคุมตึกกำลังก่อสร้าง
กรมโยธาธิการและผังเมือง กำชับมาตรการป้องกันฝุ่นละออง รับมือสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรง โดยเฉพาะในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจที่มีการก่อสร้างอาคารสูงหนาแน่น เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดจากการก่อสร้าง โดยเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการฯ อย่างเคร่งครัด เช่น การกันล้อมพื้นที่ก่อสร้าง การปิดคลุมวัสดุ และการฉีดพรมน้ำ
เพื่อควบคุมการปล่อยฝุ่นละอองที่เกิดขึ้น และการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการลดฝุ่นในพื้นที่ก่อสร้างอย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและ ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการออกกฎหมายควบคุมอาคาร
จึงได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 67 (พ.ศ.2563) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นหนึ่งในกฎหมายป้องกันฝุ่นที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร มีความครอบคลุมในเรื่องการฟุ้งกระจายของฝุ่นที่เกิดจากการก่อสร้างอาคาร
มองว่าปัญหาเรื่องฝุ่นละอองมีความเกี่ยวข้องในหลายมิติ กฎกระทรวงดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการ ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่นละอองที่เกิดจากการก่อสร้างอาคารเท่านั้น ซึ่งยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง กับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีมาตรการEIA หรือการขออนุมัติ การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ไม่ปฎิบัติตามโทษถึงคุก
อย่างไรก็ตามมาตรการป้องกันฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง มีดังนี้ กฎกระทรวงฉบับที่67 (พ.ศ. 2563) ฯ เฉพาะเรื่องมาตรการป้องกันฝุ่นกำหนด เป็นเงื่อนไขในท้ายใบอนุญาตกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ออกตาม มาตรตรา 8(11) หากไม่ปฏิบัติตาม มีโทษจำคุก 6 เดือนปรับ 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับโดยปรับวันลด 3 หมื่นบาทจนกว่าจะปฎิบัติถูกต้อง
และกรณีไม่ปฏิบัติตามมาตรกา รEIAประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีฝุ่นจำคุก 3 เดือนปรับ 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและปรับวันละ 1หมื่นบาทจนกว่าจะปฏิบัติถูกต้องเป็นต้น
จี้ 246 ตึกสูง เข้มฝุ่น ตามกฎEIA
“ฐานเศรษฐกิจ”ตรวจสอบอาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ตามที่กรมโยธาธิการและผังเมืองออกมาตการควบคุม พบว่ามี 246โครงการ (ข้อมูลณ วันที่ 28มกราคม2568) ซึ่งเป็นอาคารสูงเกิน23เมตร อาคารขนาดใหญ่ และอาคารขนาดใหญ่พิเศษ กระจายอยู่บริเวณพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน
แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) อธิบายเพิ่มเติมว่า อาคารที่ได้รับอนุญาต อยู่ ในความรับผิดชอบของ สำนักการโยธา อย่าง เขตปทุมวัน วัฒนา บางรัก สาทร สีลม บางคอแหลม ฯลฯ ซึ่งเป็นทั้งโครงการคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงแรม อาคารสาธารณะ โรงพยาบาล รวมถึงสถานีน้ำมันขนาดใหญ่
โดยมีการก่อสร้างค่อนข้างหนาแน่น ส่งผลให้มีฝุ่นเกิดขึ้น ทั้งฝุ่นPM10 (ฝุ่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า) และฝุ่นPM2.5(ฝุ่นจิ๋ว มีผลกระทบต่อสุขภาพ ) ซึ่งฝุ่นที่มีผลต่อสุขภาพ เกิดในขั้นตอนการ ตอกเสาเข็มทำฐานรากอาคาร ทำให้เกิดการฟุ้งกระจาย และ กรณีรถบรรทุกขนวัสดุก่อสร้าง เข้า-ออกโครงการ
รวมถึงเครื่องจักร ส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซล โดย กทม.ได้กำชับเอกชนปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของกฎหมายควบคุมอาคารและข้อบังคับ ของ EIA หรือการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม อย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะการควบผ้าใบคุลมตึก และใช้ละอองน้ำฉีดพ่นรวมถึง ให้รถบรรทุกล้างล้อทุกครั้งที่ออกนอกเขตก่อสร้างอาคาร และหมั่นตรวจตราการก่อสร้างอาคารอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบต่อชุมชนรอบข้าง
บิ๊กเอกชนหนุนนโยบายรัฐ
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนส่วนใหญ่จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยมองว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 กลายเป็นมลพิษทางอากาศสำคัญในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในส่วนของอาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัย
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่นส่งผลต่ออาคารสำนักงานในด้านการเดินทางของลูกค้าและผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตาม อาคารสำนักงานของเฟรเซอร์สได้รับการออกแบบให้มีระบบฟิตเวลส์ (Fitwel) และมาตรฐานการควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร ซึ่งช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านนายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ฯ กล่าวว่า สำหรับอาคารโรงงานและคลังสินค้า เฟรเซอร์สได้ยึดมาตรฐานอาคารเขียว LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ของสหรัฐอเมริกา
ไม่เพียงแต่เน้นการใช้วัสดุรีไซเคิล แต่ยังรวมถึงการจัดการฝุ่นระหว่างการก่อสร้างอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม มาตรการลดฝุ่นจากการก่อสร้าง เฟรเซอร์สมีมาตรการควบคุมฝุ่นอย่างเคร่งครัด เช่น การฉีดน้ำเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น และการจัดการตะกอนจากการก่อสร้างไม่ให้ปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม
ขณะที่นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ระบุว่า สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยในเขตชานเมือง
ปัญหาฝุ่นอาจไม่รุนแรงเท่าในเขตเมือง แต่เฟรเซอร์สได้เตรียมระบบคลีนคูลแอร์ (Clean Cool Air) ที่สามารถกรองฝุ่นและปรับปรุงการระบายอากาศภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความจำเป็นในการใช้เครื่องฟอกอากาศเพิ่มเติม
สอดคล้องกับนายชัชวีร์ พรหมปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ (COO) บมจ.สัมมากร มองว่าบริษัทให้ความสำคัญนโยบายลดฝุ่น โครงการของบริษัทส่วนใหญ่เป็นแนวราบ ส่วนใหญ่อยู่โซนชานกรุงเทพฯซึ่งมองว่าไม่กระทบมากนักอีกทั้งได้มีมาตการลดฝุ่นด้วยการใช้น้ำฉีดพ่นเพื่อลดผลกระทบชุมชนรอบข้าง
ห้ามรถเข้าเมือง–คุมบิ๊กโปรเจ็กต์
ด้าน กระทรวงคมนาคม มีมาตรการลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนใหญ่มาจากการใช้ยานพาหนะส่วนบุคคลมากขึ้น รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน- บ้านแพ้ว (M82) บนถนนพระราม 2โครงการทางพิเศษ สายพระราม 3- ดาวคะนอง- วงแหวนรอบนอกกรุงเทพ มหานครด้านตะวันตก ฯลฯ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จัดชุดเฝ้าระวังออกตรวจสอบค่าควันดำจากรถโดยสารสาธารณะ รถร่วมบริการ รถบรรทุก และยานพาหนะที่มีการตกแต่งเครื่องยนต์ (รถกระบะแต่งซิ่ง) ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในที่มีค่า PM 2.5 สูง
ขณะเดียวกันได้ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่กรุงเทพฯในการลงพื้นที่ตรวจฯ และจัดชุดผู้ตรวจการขนส่งทางบก จำนวน 16 ชุด ออกตรวจในกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พ่นข้อความ “ห้ามใช้” ในกรณีมีค่าการปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน
และกำชับและเตือนผู้ประกอบการรถโดยสารและรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่ได้ลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) ของกทม.ห้ามขับรถเข้าไปในพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก จำนวน 9 เขต ได้แก่ ดุสิต พญาไท พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ คลองสาน สาทร ปทุมวัน บางรัก เพื่อลด PM 2.5 ในเขตกรุงเทพฯชั้นในที่มีการจราจรหนาแน่น หากฝ่าฝืนมีโทษตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550
ปิดผ้าคลุม-ฉีดน้ำเขตก่อสร้าง
ฟากกรมทางหลวง โดยนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า กรมฯได้กำหนดเป็นมาตรการเข้มข้นเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ด้านงานก่อสร้าง การจำกัดดูแลพื้นที่ก่อสร้างให้เกิดฝุ่นละอองน้อยที่สุด พร้อมทั้งเข้มงวดมาตรการป้องกัน และ ลดฝุ่นละออง
นายกิตติ เอกวัลลภ ผู้ช่วยผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) กล่าวว่า รฟม.ได้คุมเข้ม PM2.5 อย่างเข้มงวด รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของผู้รับจ้าง อาทิ การตรวจสอบสภาพเครื่องจักรให้อยู่ในสภาพดี การปิดคลุมกองวัสดุก่อสร้างที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองภายในพื้นที่โครงการ ฉีดพรมน้ำบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง กำชับให้ผู้รับจ้างดำเนินการเป็นไปตามEIA กำหนด
ตรวจเช็คควันดำรถโดยสาร
นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่าขสมก. วางมาตรการตรวจวัดควันดำรถโดยสารทุกคันอย่างเคร่งครัดมากขึ้น โดย ขสมก. ได้เพิ่มมาตรการควบคุม ดูแล และป้องกัน รถโดยสารควันดำ ดังนี้ ตรวจวัดควันดำรถโดยสารทุกคัน ทุกวัน ทั้งกะเช้าและกะบ่าย ก่อนนำรถโดยสารออกให้บริการประชาชน หากพบรถโดยสารที่มีค่าควันดำเกินร้อยละ 30 ต้องงดใช้งานและนำเข้าแก้ไขทันที
อย่างไรก็ตามขสมก. ได้รวบรวมและจัดทำข้อมูลรถโดยสารทุกคัน เข้าโครงการระบบบัญชีสีเขียว (Green List) ของกรุงเทพฯ โดยขสมก.ขอความร่วมมือรถเอกชนร่วมบริการในการตรวจเช็คควันดำ รวมทั้ง จัดทีมลงพื้นที่สุ่มตรวจรถร่วมบริการทุกประเภทของขสมก. อย่างต่อเนื่อง