thansettakij
"ออริจิ้น" ปรับเกมเร่งโต ปี 68 ผุด 11 โครงการ ดันยอดแตะ 3 หมื่นล้าน

"ออริจิ้น" ปรับเกมเร่งโต ปี 68 ผุด 11 โครงการ ดันยอดแตะ 3 หมื่นล้าน

20 มี.ค. 2568 | 00:30 น.

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ปรับเกมรับปี 68 เตรียมเปิด 11 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้าน ตั้งเป้ายอดขาย 30,000 ล้าน เดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรม-โลจิสติกส์ มุ่งสร้างรายได้ยั่งยืน

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เผยแผนธุรกิจปี 2568 ภายใต้กลยุทธ์ "Resilience Leads To Sustainable Growth" เน้นสร้างความยืดหยุ่นทางธุรกิจ รับมือการเปลี่ยนแปลง พร้อมขยายการเติบโตในทุกมิติ วางเป้าหมาย ยอดขายรวม 30,000 ล้านบาท และรายได้ 14,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาทครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ ต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยธุรกิจใหม่ อาทิ โรงแรม และโลจิสติกส์ เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว

พีระพงศ์ จรูญเอก พีระพงศ์ จรูญเอก

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางโครงสร้างธุรกิจในรูปแบบ Holding Company โดยมีการลงทุนใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย

  • ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายแนวสูง (คอนโดมิเนียม) ภายใต้ Origin Vertical
  • ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายแนวราบ ภายใต้ Britania (BRI)
  • ธุรกิจบริการ ภายใต้ Primo Service Solutions (PRI)
  • ธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยว ภายใต้ Origin Hotel
  • ธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้า ภายใต้ Alpha Industrial Solutions

ปัจจุบัน ORI มีโครงการอสังหาฯ ทั้งแนวราบและแนวสูงรวมกว่า 198 โครงการ และมี Backlog รอรับรู้รายได้มูลค่ากว่า 44,562 ล้านบาท รองรับการเติบโตต่อเนื่อง 4 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ในปี 2568 ORI เตรียมเปิดตัว 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 5 โครงการ จาก Origin Vertical มูลค่ารวม 12,500 ล้านบาท บ้านแนวราบ 6 โครงการ จาก Britania มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท

พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างรายได้จาก กลุ่มธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะ ธุรกิจโรงแรมและโลจิสติกส์ ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ช่วยสร้างรายได้ประจำให้แก่ ORI อย่างมั่นคง โดยวางแผนขยายธุรกิจโรงแรมเพิ่มเติม โดยในปี 2568 เตรียมเปิด โรงแรมใหม่ 3 แห่ง ซึ่งแบ่งเป็น 1 แห่งในกรุงเทพฯ ภายใต้รูปแบบ Dual Brand และอีก 2 แห่งในแหล่งท่องเที่ยวหลัก อย่าง ภูเก็ตและเชียงใหม่ โดยเป็นโครงการที่ ORI ได้เข้าซื้อกิจการมาและเตรียมรีโนเวทเพื่อเพิ่มมูลค่า

ปัจจุบัน ORI มีพอร์ตโรงแรมรวม 9 แห่ง โดยในปี 2567 มีรายได้จากธุรกิจโรงแรมกว่า 1,472 ล้านบาท และสร้าง EBITDA กว่า 514 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของธุรกิจโรงแรมที่สามารถเติบโตควบคู่ไปกับธุรกิจอสังหาฯ

ในส่วนของ ธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทในเครือ Alpha Industrial Solutions มีอัตราการเช่าพื้นที่คลังสินค้าสูงถึง 97.6% และมีแผนขยายพื้นที่คลังสินค้า จาก 400,000 ตร.ม. เป็น 1 ล้าน ตร.ม. ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยมุ่งเน้นทำเลยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ รังสิต, บางนา, แหลมฉบัง, พานทอง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของประเทศ

บริทาเนีย บางนา ศรีวารี บริทาเนีย บางนา ศรีวารี

7 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ ปรับเกมรุกทุกมิติ

โดย ORI เดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในกลุ่มธุรกิจทั้งหมดนี้ด้วย 7 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

  • Focus on Mainstream Revenue – เน้นสร้างรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ เป็นแกนหลัก
  • Unique Value Proposition – นำเสนอจุดเด่นที่แตกต่างและตอบโจทย์ผู้บริโภค
  • Market Expansion – ขยายตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่และต่างประเทศ
  • Digital Transformation – ปรับองค์กรสู่ดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
  • Financial Structure Management – บริหารโครงสร้างการเงินให้แข็งแกร่ง
  • Customer Financial Support – สนับสนุนลูกค้าด้วยโซลูชันทางการเงิน
  • ESG & Green Revolution – มุ่งเน้นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

นายพีระพงศ์ กล่าวว่า "การดำเนินงานในปี 2568 จะเป็นปีแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ ORI โดยมีทั้งโครงการใหม่ การขยายพอร์ตธุรกิจ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง จะสามารถขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน และเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยได้ต่อไป"