thansettakij
แสนสิริ ลุยคอนโด2หมื่นล. ชู PTY Residence Sai 1 แฟลกชิพ ริมหาดพัทยา

แสนสิริ ลุยคอนโด2หมื่นล. ชู PTY Residence Sai 1 แฟลกชิพ ริมหาดพัทยา

22 มี.ค. 2568 | 08:38 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มี.ค. 2568 | 08:49 น.

แสนสิริ ขยายพอร์ตคอนโด เปิดโปรเจ็กต์ใหม่15 โครงการ 2 หมื่นล้านชู “PTY Residence Sai 1” โค้วต้าต่างชาติ 1.8 พันล้านลูกค้าคนไทยเปิดจอง 29-30 มี.ค. ลุ้น SOLD OUT วันพรีเซล

 

การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวตลาดคอนโดมิเนียมกลับมาเป็นที่ต้องการ ของชาวไทยและต่างชาติในทำเลศักยภาพ ใจกลางเมืองของกรุงเทพมหานครและจังหวัดหัวเมืองใหญ่ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนา อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ

พีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย 1 พีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย 1

เร่งเครื่อง “Dynamic Growth” พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ใหม่ 15 โครงการ มูลค่า 20,400 ล้านบาท ทำเลในเมืองและ Strategic Location โดยประเดิมโครงการใหม่ “พีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย 1” (PTY Residence Sai 1) แฟลกชิพโครงการริมหาดพัทยา มูลค่า 3,200 ล้านบาท

 

 

 

PTY Residence Sai 1แฟลกชิพริมหาดพัทยา

นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า PTY Residence Sai 1 เป็นความภาคภูมิใจของแสนสิริในฐานะหนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีชในรอบ 10 ปี บนถนนเลียบหาดพัทยาสาย 1 (พัทยากลาง) เป็น Rare Item บนที่ดิน Freehold ผืนสุดท้าย

องอาจ สุวรรณกุล องอาจ สุวรรณกุล

ที่หาไม่ได้อีกแล้วจากความต้องการของชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แสนสิริ จึงได้นำระบบ “Global Online Booking” แบบ Real-Time มาใช้สำหรับ Foreign Quota ที่เปิดจองพร้อมกันเรียลไทม์ทั่วโลกเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากกฏว่ามียอดจองเต็มโควตาตลาดต่างชาติ มูลค่า 1,850 ล้านบาท

สำหรับ PTY Residence Sai 1 ตั้งอยู่ติดชายหาดใกล้เซ็นทรัลพัทยาและแหลมบาลีฮาย จำนวน 327ยูนิต 1 ห้องนอนราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาทและ2ห้องนอนราคาเริ่มต้น 19.9-30 ล้านบาท  คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งโครงการของแสนสิริที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในพัทยา พร้อมทั้งเตรียมเปิดจองสำหรับลูกค้าคนไทย วันที่ 29-30 มีนาคมนี้ ที่โรงแรมHilton Pattaya คาดว่าจะSOLD OUTทันทีในวันพรีเซล

ตลาดอสังหาฯพัทยาฟื้นตัวก้าวกระโดด

แสนสิริมั่นใจในความต้องการที่ต่อเนื่องจากชาวไทยและต่างชาติในทำเลพัทยา ซึ่งเป็นจุดหมายอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติรองจากกรุงเทพฯ โดยสถิติปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 22-23 ล้านคน เติบโตจากช่วงก่อนโควิดเกือบ 60%

PTY Residence Sai 1แฟลกชิพริมหาดพัทยา PTY Residence Sai 1แฟลกชิพริมหาดพัทยา

โรงแรมในพัทยามีอัตราเข้าพักสูงถึง 85-90% ในปีที่ผ่านมาแบรนด์โรงแรมระดับโลกยังมีแผนทยอยเปิดตัวโรงแรมใหม่ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการที่พักอาศัยหรือบ้านพักตากอากาศโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในทำเลติดชายหาดหรือมีวิวชายหาดเพิ่มสูงขึ้น

เจาะทำเลกทม.-เมืองท่องเที่ยว

จากแผนธุรกิจคอนโดมิเนียม (เปิดใหม่ 15 โครงการ มูลค่า 20,400 ล้านบาท) นั้น ในไตรมาสแรกปี 2568 แสนสิริ ได้เปิดคอนโดมิเนียม 8 โครงการ (รวม PTY Residence Sai 1) แบ่งเป็นกรุงเทพฯ ได้แก่ ดีคอนโด คีรี คอนโดใหม่ สไตล์รีสอร์ท Fully Furnished พร้อมพื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มกว่า 1.2 ไร่ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.79 ล้านบาท, เดอะ เบส รัชดา 19 ใจกลางย่านรัชดา

คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ และแยกตึกที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ เริ่มต้น 2.49 ล้านบาท, ดีคอนโด วิวิด รังสิต คอนโดใหม่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยกรุงเทพ บนแสนสิริคอมมูนิตี้ ชูจุดเด่น Rental Yield ถึง 10% เริ่มเพียง 1.49 ล้านบาท พรีเซล 15-16 มีนาคมนี้, เดอะ มูฟ ประดิพัทธ์ แต่งครบ พร้อมอยู่ เริ่มเพียง 2 .69 ล้านบาท Grand Opening วันที่ 29-30 มีนาคมนี้ 

นอกจากนี้ แสนสิริยังเดินหน้าขยายการพัฒนาโครงการไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานล่าสุด แสนสิริสามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลายส่วนเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยมีรายได้รวมที่ 39,205 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 หรือสูงสุดในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ  ด้านยอดขายรวมอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท และยอดโอนที่ 43,700 ล้านบาท

ความสำเร็จดังกล่าวมาจากกลยุทธ์การปรับพอร์ตโฟลิโอเพื่อเจาะกลุ่มความต้องการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมี่ยม-ลักซ์ชัวรี รวมถึงการรุก Strategic Locations เมืองท่องเที่ยวใหญ่ที่มีศักยภาพ และที่สำคัญ ยังรักษาระดับกำไรสุทธิได้ถึง 5,253 ล้านบาท ท่ามกลางภาวะการแข่งขันสูง

 โอกาสทองของผู้ซื้อ

              ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังเข้าสู่ช่วง “Buyer’s Market” อย่างชัดเจน หลายค่ายนำเสนอแคมเปญส่งเสริมการขายที่จูงใจมากขึ้น ทั้งส่วนลดและข้อเสนอฟรีค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ ยังมีทำเลใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ที่ยังมีราคาไม่สูงมาก แต่มีโอกาสเติบโตในอนาคต ในด้านการเงิน เงื่อนไขสินเชื่อมีความผ่อนคลายมากขึ้น ธนาคารต่างๆ ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือนจึงนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งโอกาสสำหรับผู้ซื้ออย่างไรก็ตามผู้ซื้อควรเลือกทำเลอย่างรอบคอบ วิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตในระยะยาว รวมถึงพิจารณาฐานะทางการเงินและความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาโครงการแต่ละแบรนด์ประกอบการตัดสินใจด้วย

 

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 45 ฉบับที่ 4,080 วันที่ 20 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2568