บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าพัฒนาโครงการซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียม 3 โครงการใหม่ในทำเลที่หายากที่สุดของกรุงเทพฯ ได้แก่ สารสิน ชิดลม และสุขุมวิท 51 รวมมูลค่ากว่า 22,000 ล้านบาท ตอกย้ำจุดยืนผู้นำตลาดลักซ์ชัวรี่ด้วยแนวคิด “Crafted for The Best” ยกระดับการออกแบบและคุณภาพการอยู่อาศัยมาตรฐานเวิลด์คลาส พร้อมตอบโจทย์ลูกค้า High Net Worth Individuals (HNWIs) ที่มองหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับไอคอนิก
โครงการแรกบนย่านสุขุมวิท 51 ได้รับอนุมัติ EIA แล้ว และเตรียมเริ่มก่อสร้างเร็ว ๆ นี้ โดยเป็นคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรีแบบลิมิเต็ดเอดิชัน มีเพียง 11 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินสามเหลี่ยมรูปทรงพิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้วในย่านทองหล่อ-เอกมัย คาดว่าแล้วเสร็จภายในปี 2570
สำหรับโครงการในย่านสารสิน ซึ่งมีวิวตรงข้ามสวนลุมพินี ถูกขนานนามเป็น "Billionaires’ Row" ของกรุงเทพฯ เทียบได้กับทำเลไฮเอนด์ระดับโลกอย่าง Central Park ในนิวยอร์ก หรือ Hyde Park ในลอนดอน แสนสิริเคยทำสถิติซื้อที่ดินในบริเวณนี้สูงสุดถึง 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา และราคาที่ดินในย่านสารสินปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 400% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่ทำเลชิดลมยังคงเป็นศูนย์กลางความหรูหรา โดยราคาที่ดินในพื้นที่เพิ่มขึ้น 2.7% จากปีก่อนหน้า แสนสิริสามารถปิดการขายเพนท์เฮาส์ของคอนโดระดับซูเปอร์ลักชัวรีในย่านนี้ได้ แม้โครงการยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยห้องดังกล่าวมีมูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว สะท้อนดีมานด์ที่แข็งแกร่งจากกลุ่มลูกค้าลักชัวรี
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริเป็น Luxury & Design Leader ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีตลอด 40 ปีที่ผ่านมา เรามีพอร์ต Sansiri Luxury Collection มูลค่ารวมกว่า 38,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าระดับ HNWIs ทั่วโลก”
ทั้ง 3 โครงการใหม่จะถูกพัฒนาให้เป็นที่อยู่อาศัยที่มอบประสบการณ์ ทั้งในด้านคุณภาพ การออกแบบ และบริการเอ็กซ์คลูซีฟ ตั้งแต่วันแรกที่พบลูกค้า โดยแสนสิริมีแผนเปิดตัวอีก 2 โครงการลักชัวรีในไตรมาส 2 ปีนี้ ได้แก่ VIA 34 คอนโดมิเนียมใจกลางสุขุมวิท และ NARASIRI BANGNA KM.10 บ้านเดี่ยวลักชัวรีโครงการแรกของปีในคอมมูนิตี้ SANSIRI 10 EAST
ทั้งนี้ แสนสิริมองว่าตลาดซูเปอร์ลักชัวรียังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มองหาที่อยู่อาศัยและสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มในอนาคต โดยบริษัทมั่นใจว่า 3 โครงการไอคอนิกใหม่จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดลักซ์ชัวรี่ในประเทศไทย