อสังหาฯ แห่ขายนักลงทุนเฟื่อง นายกสมาคมอาคารชุดไทย ชี้เหตุดอกเบี้ยต่ำ/มูลค่าอสังหาฯเพิ่ม/เทรนด์การอยู่อาศัยเปลี่ยน หวั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติไม่โอน ล่าสุด พราวด์ เรสซิเดนซ์ จับมือ ฟัลครัมโกลบอล บริษัทด้านการลงทุนอสังหาฯสัญชาติฮ่องกงส่ง เดอะ พาร์ค แอท เอ็มดิสทริค เร่ขายนักลงทุน ชูรูปแบบเซอร์วิสเรสิเดนซ์ลักชัวรี พร้อมการันตีผลตอบแทน 5-6%
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจว่า" ว่า การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีมานานแล้ว โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมจากเดิมอยู่ในกลุ่มกลาง-ล่าง แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้นักลงทุนที่เคยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ มองหาแหล่งการลงทุนใหม่ ซึ่งการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
เนื่องจากราคาสินค้าปรับขึ้นต่อเนื่องทุกปี ในสัดส่วนที่มากกว่าอัตราเงินเฟ้อ ประกอบกับเทรนด์การอยู่อาศัยในปัจจุบันเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่นิยมอยู่คอนโดมิเนียมมากขึ้น ทำให้การลงทุนอสังหาฯได้รับความนิยมจากกลุ่มนักลงทุนเพิ่มขึ้น สำหรับทำเลที่นักลงทุนเลือกลงทุนต้องอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง เช่น ย่านใจกลางธุรกิจ หรือในทำเลที่เป็นที่รู้จักและมีการเดินทางที่สะดวกสบาย โดยรูปแบบการลงทุนจะอยู่ในลักษณะของการถือครองระยะยาวหรือให้ชาวต่างชาติเช่า
"กลุ่มนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ มักนิยมลงทุนในอสังหาฯที่มีระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท เนื่องจากสินค้าในระดับราคานี้มักอยู่มีทำเลที่มีศักยภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาในอนาคต โดยนักลงทุนในกลุ่มนี้นิยมซื้อด้วยเงินสด ดังนั้นกลุ่มนี้จึงไม่มีความน่ากังวลในเรื่องของการโอน เนื่องจากส่วนใหญ่จะให้วางเงินดาวน์ 30% ของราคาซื้อขาย แต่สำหรับกลุ่มนักลงทุนที่เป็นชาวต่างชาติ อาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากยังเป็นกลุ่มใหม่สำหรับตลาดอสังหาฯเมืองไทย ฉะนั้นถ้าวางเงินดาวน์ในสัดส่วนที่มากกว่า 30% ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการส่งมอบได้"นายประเสริฐ กล่าว
ด้าน นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมมือกับฟัลครัม โกลบอล บริษัทด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสิเดนซ์ นำอาคารที่ 4 และอาคาร 6 ของโครงการพาร์ค 24 มาจัดโปรแกรมพิเศษภายใต้ชื่อ เดอะ พาร์ค แอท เอ็มดิสทริค โดยนำทั้ง 2 อาคาร รวม 450 หน่วย มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท ขายให้กับกับฟัลครัม โกลบอล เพื่อพัฒนาเป็นเซอร์วิสเรสิเดนซ์ และนำไปขายให้กับนักลงทุนที่สนใจลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
เบื้องต้นมีการเปิดขายในกลุ่มลูกค้าวีไอพี ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก โดยสามารถทำยอดขายได้ถึง 20% ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนชาวไทยทั้งหมด หลังจากนี้ทางฟัลครัม โกลบอลจะเป็นผู้ดำเนินการหานักลงทุนต่อไป โดยปัจจุบันกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการของบริษัทส่วนใหญ่เป็นชาวไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ ซึ่งกำลังจะขยายตลาดไปยังประเทศจีนและญี่ปุ่น ซึ่งราคาอสังหาฯของประเทศไทยยังมีราคาที่ถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์หรือฮ่องกง ส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนอสังหาฯในไทยเพิ่มมากขึ้น
"การเติบโตของกลุ่มนักท่องเที่ยว จะช่วยผลักดันให้ตลาดเซอร์วิสเรสิเดนซ์เติบในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต โดยบริษัทได้การันตรีผลตอบแทนในระยะ 2 ปีแรก สำหรับแบบ 1 ห้องนอนที่ 5% อัตราคาค่าเช่า 4.5-6 หมื่นบาทต่อเดือน และแบบ 2 ห้องนอนที่ 6% อัตราค่าเช่า 6-8 หมื่น บาทต่อเดือน ราคาขายเริ่มต้นที่ 8 ล้านบาท คาดว่าโครงการดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2561" นายธงชัย กล่าว
นาย แฟรงค์ เหลียง กรรมการผู้จัดการ ฟัลครัม โกลบอล แคปิตอล กล่าวว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันซึ่งมีปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้มากมายและสภาพคล่องส่วนเกินล้นตลาด นักลงทุนที่รอบคอบมักจะสรรหารูปแบบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมั่นคงและรายได้จากค่าเช่าที่สม่ำเสมอ และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นับเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อการเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุนในระยะยาว และจากข้อมูลการวิจัยของบริษัท พบว่า แนวคิดของโครงการที่พักอาศัยระดับหรูขนาดใหญ่ ซึ่งบริหารโดยผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสิเดนซ์ระดับลักชัวรี ซึ่งกำลังแพร่หลายในเมืองสำคัญ ๆ ของโลก เช่นโตเกียว และฮ่องกง จะสร้างผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีกว่าโครงการที่พักอาศัยทั่วไป โดยมีราคาขายอสังหาริมทรัพย์หลังจากที่โครงการพัฒนาแล้วเสร็จที่ต่างกันกว่า 30 - 50% เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการในบริเวณเทียบเคียง
อนึ่ง จากการรวบรวมของ "ฐานเศรษฐกิจ" เกี่ยวกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนนิยมซื้อ พบว่า บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนชาวฮ่องกงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากหลายๆโครงการ และเตรียมที่จะขยายตลาดสู่ประเทศจีน , บริษัท อนันดา ดีเวลลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นักลงทุนส่วนใหญ่เป็นคนไทย , บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ซึ่งโครงการมักติดแนวรถไฟฟ้าเหมาะแก่การซื้อเพื่อลงทุน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,193 วันที่ 18 - 21 กันยายน พ.ศ. 2559