ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

20 ต.ค. 2565 | 02:00 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ต.ค. 2565 | 14:02 น.

ไอ-เทล ชูกลยุทธ์ SeaChange® ของบริษัทแม่ไทยยูเนี่ยน สร้างมาตรฐานการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก ตามแนวการพัฒนายั่งยืน ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์อาหารแบบเปียก ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีต่อสัตว์เลี้ยง

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ธุรกิจ Flagship ด้านการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของกลุ่มบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจุดเริ่มต้น คือการจัดตั้งบริษัท สงขลาแคนนิ่ง จำกัด (มหาชน) และดำเนินธุรกิจในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงมาอย่างยาวนานก่อนมีการปรับโครงสร้างและเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันไอ-เทล เน้นผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียม  และเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย และอันดับ 2 ของเอเชีย รวมถึงติดอันดับ 1 ใน10 ของโลก นอกจากนี้หากนับแค่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียก ไอ-เทล ยังถือเป็นผู้นำในอันดับที่ 4 ของกลุ่ม OEM ในตลาดโลกอีกด้วย

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

++ โฟกัสตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

การที่ ไอ-เทล เน้นการเป็นผู้นำในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก คือ การตอกย้ำความเป็นพรีเมียมแบรนด์  นอกจากนี้ อาหารแมวแบบเปียกยังมีข้อดีคือ  ช่วยให้แมวที่โดยปกติแล้วกินน้ำน้อย กินน้ำได้เยอะขึ้น  ดีต่อสุขภาพ  สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ต้องการเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารคุณภาพ ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเป็นศูนย์กลางตามแนวคิด Pet-Centric

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

นอกจากนี้ ไอ-เทล ยังโฟกัสตัวเองเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการและมีสุขภาพที่ดี สัตว์เลี้ยงมีความสุข ไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์ แต่ต้องมีรสชาติถูกปากสัตว์เลี้ยง ซึ่งจุดนี้ ไอ-เทล ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและวิจัย เพื่อสร้างนวัตกรรมอาหารที่ตอบโจทย์สัตว์เลี้ยงมากที่สุดคือทั้งมีประโยชน์และอร่อย

 

การมีโฟกัสตลาดที่ชัดเจน ทำใหัปีที่แล้วไอ-เทล สามารถสร้างรายได้อยู่ที่ 1.45 หมื่นล้านบาท จากการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 15% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี 2562-2564) และครึ่งปีแรกของปี 2565 สามารถเติบโตทั้งยอดขายและกำไรประมาณ 40% ด้วยกลยุทธ์หลัก คือ การเติบโตในตลาดที่เติบโตเร็ว เช่น จีน สหรัฐอเมริกา หรือพื้นที่สีขาวของบริษัทฯ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ในยุโรป และสหรัฐอเมริกา

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

พร้อมกันนี้ ยังเติบโตด้วย ระบบนิเวศเชิงนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) ซึ่งนอกจากจะมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์  และ Global PetCare Innovation Center แล้ว  ไอ-เทลยังสามารถแชร์ทรัพยากรและองค์ความรู้กับศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยนได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง i-Tail Cattery ศูนย์วิจัยเพื่อศึกษาพฤติกรรมและความชอบของแมว ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 2565

 
การใช้กลยุทธ์ Pet-Centric รวมถึงการเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าระดับโลกที่เป็นเบอร์ต้นๆ ของตลาด และทุกการดำเนินงานของ ไอ-เทล ต้องยืนอยู่บนรากฐานของความยั่งยืน ซึ่งไอ-เทล ดำเนินการทุกส่วนไปพร้อมๆ กัน เช่น การที่จะไปโตในพื้นที่สีขาว ไอ-เทล ก็ต้องให้ความสำคัญกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน รวมถึงนวัตกรรม และประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ จึงจะทำให้ได้รับการตอบรับในตลาดดังกล่าว

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

++ SeaChange®  สร้างองค์กรเติบโตยั่งยืน

 

สำหรับความยั่งยืน ไอ-เทล นายพิชิตชัย กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องทำ มิเช่นนั้น ไอ-เทล ก็ไม่มีสิทธิที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้ เพราะปัจจุบันตลาดโลกใส่ใจเรื่องเหล่านี้มาก และไอ-เทล อยู่ในเครือไทยยูเนี่ยน ซึ่งมีความแข็งแรงด้านความยั่งยืน และมีกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange®  เป็นแนวทางปฏิบัติ

 

"ในระดับโลก ด้วยนโยบายและกลยุทธ์ SeaChange®  ทำให้ ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 8 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกันสำหรับการทำงานตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยองค์การสหประชาชาติ ความสำเร็จเหล่านี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่รับรองการดำเนินงานด้านนี้ของกลุ่มไทยยูเนี่ยนได้เป็นอย่างดี"

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ กลุ่มไทยยูเนี่ยนและ ไอ-เทล ให้ความสำคัญใน 4 หลัก ที่ประกอบด้วย

เสาแรก คือ ความปลอดภัย และความถูกกฎหมายในการจ้างแรงงานอย่างมีจริยธรรม รวมถึงมีที่ทำงานปลอดภัย ในกลุ่มไทยยูเนี่ยน ปฏิบัติตามหลักการ EPP : The Employer Pays Principle ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของกลุ่มไทยยูเนี่ยนที่ดูแลแรงงานในประเทศไทย และเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติด้านแรงงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

เสาที่สอง คือ การสรรหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบเพื่อให้มั่นใจถึงแหล่งที่มาวัตถุดิบของบริษัทฯ คู่ค้าทุกๆ ราย ต้องสามารถยืนยันและทำตามกฎจรรยาบรรณของกลุ่มไทยยูเนี่ยน รวมถึงติดตามตรวจสอบและประเมินผลคู่ค้าในการพัฒนาธุรกิจระหว่างกันอย่างยั่งยืน โดยจะมีกระบวนการตรวจสอบ ว่าคู่ค้าสามารถปฏิบัติงานภายใต้นโยบายด้านความยั่งยืนตามมาตรฐานที่บริษัทฯ กำหนดไว้ได้หรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการผลิตของคู่ค้าได้รับการรับรองตามมาตรฐาน และอาหารมีความปลอดภัย รวมไปถึงมีการใช้แรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

เสาที่สาม คือ การดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ  ทั้งในด้านการดำเนินอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานทดแทน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปีละ 10,000 ตัน หรือการใช้แผงโซลาร์เซลล์  ผลิตพลังงานทดแทนจากพลังงานที่ใช้อยู่ราว 5% และจะขยับขึ้นมาให้ได้ 30% ภายในปี 2567 รวมไปถึงการบำบัดน้ำเสียให้ได้มาตรฐานก่อนปล่อยออกนอกโรงงาน

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

และสุดท้ายเสาที่สี่คือการดูแลสังคมและชุมชน เช่น การสร้างโรงเรียนให้บุตรหลานของพนักงาน ทั้งพนักงานชาวไทย และบุตรหลานของพนักงานที่เป็นแรงงานต่างด้าว รวมถึงการบริจาคอาหารสัตว์ให้กับสัตว์ด้อยโอกาส โปรแกรมพวกนี้ ได้ถูกนำมาใช้ใน ไอ-เทล ด้วย

 

++ เปิดโอกาสนักลงทุนร่วมสร้างการเติบโตมั่นคง

ซีอีโอ ไอ-เทล ย้ำว่า เทรนด์ของความยั่งยืน เป็นเทรนด์ที่กำลังเข้ามาสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแน่นอน เพราะ ฉะนั้น บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญต่อเนื่องนี้อย่างมาก โดยตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) รวมถึงกลยุทธ์ในการขยายตลาด พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดอาหาร   สัตว์เลี้ยงพรีเมียม

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

ปัจจุบัน ไอ-เทล เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่ดำเนินธุรกิจครอบคลุมทั้งบริการรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) เกี่ยวกับอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร โดย ณ วันที่ 30  มิถุนายน 2565 บริษัทฯ มีรายการผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายรวมกว่า 4,800 ชนิดให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และการผลิตแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้ตราสินค้าของตนเองอีก 5 แบรนด์ที่จัดจำหน่ายทั้งในไทยและต่างประเทศ และพร้อมเดินหน้าเต็มที่ สู่การเป็นผู้นำในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก โดยมีกำลังผลิตรวม 172,786 ตัน/ปี จากโรงงานผลิตที่ใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติ และควบคุมคุณภาพทุกกระบวนการจำนวน 2 แห่งในจังหวัดสงขลา และสมุทรสาคร ทำให้บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีกว่า 15% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี พ.ศ. 2562-2564) สู่ยอดขายรวม 14,529 ล้านบาทในปี 2564

 

ล่าสุด ไอ-เทล ได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับแผนการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวนไม่เกิน 660 ล้านหุ้น และได้นับหนึ่งไฟลิ่งไปเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 เพื่อเตรียมเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตไปกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลกที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ไอ-เทล (i-Tail) สานกลยุทธ์ SeaChange® สร้างมาตรฐานอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม

 

ที่มา:

  • ข้อมูลตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงโลก การจัดอันดับแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงเชิงมูลค่าค้าปลีก และผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเชิงมูลค่า ณ ปี 2564 และการจัดอันดับผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียกในกลุ่ม OEM ณ ปี 2563 อ้างอิงจาก Frost & Sullivan, www.petfoodindustry.com ข้อมูลบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565
  • ข้อมูลทางการเงินของบริษัท จากงบการเงินเสมือนสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562-2564 และ สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564-2565

 

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.i-Tail.com

#iTailIPO #หุ้นITC #ITC #iTailCorp #ไอเทล #อาหารสัตว์เลี้ยง