“บัวขาว บัญชาเมฆ” เจ้าของแชมป์ K-1 World MAX 2 สมัย บนเวที Bare Knuckle Fighting Championship (BKFC) รีเทิร์นสู่สมรภูมิกำปั้นกับตำนานบทใหม่ในสังเวียนศิลปะการต่อสู้มือเปล่าครั้งยิ่งใหญ่ระดับโลก ปะทะคู่ท้าดวลคนสำคัญจากตุรกี “เออร์แกน วาโรล” (Erkan Varol) และเหล่าสุดยอดนักสู้กว่า 24 ชีวิต ที่จะมาห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดบนเวทีมวยราชดำเนิน ในวันเสาร์ที่ 3 กันยายนนี้
นายนิค แชปแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานฝ่ายปฏิบัติการ BKFC Thailand อดีตแชมป์ UK1 British Title Cage Rage (UCMMA) World Title Light Heavyweight กล่าวว่า รายการ “บีเคเอฟซี ไทยแลนด์ พรีเซนเต็ด บาย สิงห์ ครั้งที่ 3” ภายใต้ชื่อรายการ “Moment of Truth” เป็นการรับชมกันแบบเรียลไทม์ หมัดต่อหมัด เน้น ๆ เต็มทุกอารมณ์ ถ่ายทอดสดทั่วโลกผ่านแอป BKFC
ร่วมนำเสนอ โดย สิงห์ คอร์เปอเรชั่น และ บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ โดย นิค แชปแมน และ วรรธนัย วรรธนะกุล สองบอสใหญ่แห่ง BKFC Thailand เชื่อมั่นการแข่งขันครั้งนี้จะได้รับกระแสตอบรับล้นหลามจากแฟนนักชกและสาวกนักสู้ทั่วโลก หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการจัดงานในพัทยาครั้งที่ผ่านมา
แมตช์นี้จะยิ่งทวีความที่ดุเดือดกับการประกบคู่ครั้งสำคัญของตำนานนักสู้ไทยผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล บัวขาว บัญชาเมฆ กับคู่ต่อสู้ตัวฉกาจอย่าง เออร์แกน วาโรล คิกบ็อกซิ่งชาวตุรกี และนอกจากคู่เอกที่ทุกคนเฝ้ารอคอยแล้ว ยังมีนักสู้อีกว่า 24 ชีวิตบนสังเวียน BKFC Thailand ที่จะมาสร้างความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ ให้กับแฟน ๆ ที่เวทีมวยราชดำเนินแห่งนี้
“BKFC เป็นกีฬาที่โด่งดังเร็วทั่วโลก เพราะเป็นการต่อสู้ที่สมจริง เพราะถ้าคุณโดนต่อยตรงๆ คุณก็มีโอกาสล้มลงไปนอนได้ง่ายมาก เป็นเวทีที่แม้แต่นักกีฬาที่ดุเดือดที่สุดก็ยังกลัวที่จะเข้าสู่สนามของ BKFC เพราะการปล่อยหมัดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งได้”
สำหรับการแข่งขัน BKFC Thailand 3 นี้จะจัดขึ้นบนเวทีทรงกลม ‘Squared Circle’ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันที่รวดเร็วและน่าตื่นเต้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกฎของ Broughton ที่กำหนดให้นักสู้ต้อง Toe the Line โดยวางเท้าที่เส้นกลางเวทีซึ่งห่างกันเพียงแค่ 3 ฟุตเท่านั้น ในรายการนี้เรามีนักสู้ร่วมแข่งขันกว่า 12 คู่ รวมกว่า 24 ชีวิต
อีกหนึ่งไฮไลท์คือการชกชิงตำแหน่งแชมป์สองรายการในครั้งนี้ด้วย ทั้งการแข่งขันรองคู่เอกที่เป็นการชิงแชมป์ BKFC Thailand รุ่นเฟเธอร์เวทระหว่าง พงษ์พิศาล “ต้น” ฉุ่นย่อง และ สุรศักดิ์ สุขคำชา รุ่นแบนตั้มเวท ของการพบกันระหว่าง อุษณากร ถวิลสุวรรณวัง ปะทะ เชสล่า นูวาล ฟิลิปปินส์ อีกด้วย
ด้านนายวรรธนัย วรรธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บีเคเอฟซี ประเทศไทย ประธานบริหาร รอยัล คลิฟ โฮเต็ลส์ กรุ๊ป และศูนย์ประชุมนานาชาติพีช (Pattaya Exhibition and Convention Hall) กล่าวว่า ศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าหรือ Bare Knuckle (แบร์ นักเคิล) เป็นเทรนด์กีฬาแห่งโลกอนาคตที่โด่งดังและเติบโตอย่างรวดเร็วในต่างประเทศ
โดยทาง BKFC Thailand ตั้งใจที่จะช่วยยกระดับกีฬา Street fight ที่มีอยู่ขึ้นมาต่อสู้กันอย่างมีกฏกติกา ระเบียบ พร้อมสนับสนุนเยาวชนที่มีความสามารถทว่าขาดโอกาส เพื่อปั้นและเฟ้นหานักสู้หน้าใหม่ที่ฉายแววเข้าสู้เส้นทางการแข่งขัน
สำหรับความคาดหวังต่อจากนี้คือการเชิดชูกีฬามวยอันสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไปแข่งขันระดับสากล พร้อมๆ กับยกระดับวงการกีฬาในประเทศให้ทัดเทียมนานาชาติ ดูแลนักกีฬาด้วยระเบียบและการให้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับวิชาชีพมวย และบุคคลในวงการกีฬามวยที่ทุ่มเทเสียสละสร้างสรรค์
BKFC Thailand เล็งเห็นความสำคัญ และพร้อมที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวงการกีฬามวยด้วยการต่อสู้แบบมือเปล่าให้เติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน เป็นหนึ่งในอาชีพที่ได้รับการเชิดชูและยอมรับจากคนทั่วโลก พร้อมทั้งสร้างโอกาสและเปิดรับนักสู้ทุกเพศตามนโยบาย ‘Sport has no gender, sport for all! ขอเพียงคนจริงที่มีใจนักสู้เท่านั้น!’ ของ BKFC เข้าแข่งขันเพื่อให้นักสู้ในภูมิภาคนี้ได้พัฒนาฝีมือเพื่อเข้าแข่งขันในรายการระดับโลกต่อไป
“สำหรับการจัดงาน BKFC Thailand ครั้งที่ 3 เรามีพันธมิตรที่เล็งเห็นความสำคัญพร้อมร่วมเดินหน้าสนับสนุนเพื่อยกระดับวงการกีฬาการต่อสู้ไทยอย่าง สิงห์ คอร์เปอเรชั่น และ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด อีกทั้งยังได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศ อาทิ นิตยสาร เนชั่นแนล จีโอกราฟิก และ ช่องเอชบีโอ
นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นนิมิตหมายที่ดีของการแข่งขัน BKFC Thailand ที่ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด โดยเราเชื่อว่าการแข่งขัน BKFC ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 กันยายนนี้ จะสามารถเรียกความสนใจจากผู้ชมและแฟนกีฬาได้อย่างมาก อีกทั้งยังมีส่วนช่วยดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวให้กลับมาใช้จ่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม”
ด้านนายวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ผู้สนับสนุนหลักในการจัดการแข่งขัน BKFC Thailand ครั้งที่ 3 กล่าวว่า สิงห์ เป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนวงการกีฬาของไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งในด้านการสนับสนุนกีฬาสู่ระดับอาชีพ
รวมถึงเป็นพาร์ทเนอร์กับสมาคมกีฬาต่างๆ ในการสร้างนักกีฬาขึ้นมาให้ประสบความสำเร็จ และส่งต่อแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับนักกีฬารุ่นต่อๆ ไป อย่างบัวขาว บัญชาเมฆ สิงห์ก็ได้ให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ ปี 2551 ต่อยอดสู่การสนับสนุนค่ายบัญชาเมฆในการสร้างนักมวยไทยรุ่นใหม่ๆ ให้ได้มีโอกาสเติบโตในเวทีระดับโลก เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
สำหรับ BKFC Thailand Presented by Singha ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้ เราถือเป็นประเทศที่สามที่ได้รับความเชื่อมั่นจัดการแข่งขัน นอกจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งความสำเร็จจากการแข่งขันรายการ BKFC Thailand ยังจะสามารถทำให้นักกีฬาไทยเป็นที่รู้จักในเวทีโลกได้เป็นอย่างดี”
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า วงการกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเป็นกีฬาที่เติบโตเร็วที่สุดและน่าจับตามองอย่างยิ่งในขณะนี้ เพราะสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในเชิงกีฬาและการต่อสู้เพื่อป้องกันตัว มองว่าเป็นกีฬาใหม่สำหรับคนไทยที่ยังต้องการการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
บิทคับ ในฐานะแพลตฟอร์มด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของคนไทย มีความมุ่งมั่นในการยกระดับศักยภาพของประเทศไทยในเชิงดิจิทัล มองเห็นโอกาสในการช่วยพัฒนาพร้อมสร้างมูลค่าให้กับวงการศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า BKFC Thailand ด้วยการมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเชียร์และส่งแรงใจให้นักสู้ผ่านการนำ NFT Solution เพื่อยกระดับประสบการณ์การชมการต่อสู้ BKFC Thailand ครั้งที่ 3 ให้ได้อรรถรสยิ่งขึ้น
พร้อมสร้างความใกล้ชิดระหว่างนักสู้และแฟนคลับ โดยภาพลักษณ์ของศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของไทยจะโดดเด่นบนเวทีโลก และยังช่วยเพิ่มจำนวนผู้ติดตามชมมากขึ้น เพราะระบบ NFT สามารถดึงผู้ชมทั่วโลกให้กลายมาเป็นแฟนคลับนักสู้ไทยได้เป็นอย่างดี ด้วยระบบการใช้งานที่ง่าย สะดวก โปร่งใส ปลอดภัย มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้งานโดยตรง ทั้งนี้บิทคับพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพลังและส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่พร้อมการสนับสนุนความสำเร็จของนักกีฬาไทยเพื่อความภาคภูมิใจของไทยทุกคน
ด้าน ดร. นพ. จตุพล คงถาวรสุกล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแผนกกระดูกและข้อจากเพจดอกเตอร์หมอหมี กล่าวถึงความปลอดภัยในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าว่า “แม้ว่าการต่อสู้ด้วยมือเปล่าจะดูน่ากลัว แต่ในความเป็นจริงแล้วมีความปลอดภัยกว่าการต่อสู้หลาย ๆ ประเภท เนื่องจาก
1. การชกด้วยมือเปล่า ผู้ชกจะไม่สามารถชกด้วยความเร็วเท่าๆ จำนวนหลายๆ ครั้งแบบต่อเนื่องได้ เนื่องจากร่างกายจะมี defend mechanism หรือกลไกการป้องกันตัวเอง การชกมือเปล่าโดยมากจะเกิดแผลแตก ทำให้ดูน่าตกใจมากกว่าการชกใส่นวมที่มักจะไม่เห็นบาดแผล ทว่าแรงอิมแพคของการใส่นวมชกสามารถออกแรงได้ 100% ทุกครั้ง เพราะนวมช่วยซับแรงกระแทก ซึ่งเมื่อกระแทกเข้าที่หัวของคู่ต่อสู้จะทำให้มีสิทธิเกิดภาวะหมดสติเฉียบพลันจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรงที่ศรีษะ เซลล์บวมจากการหมดสติ เซลล์ตายเกิดผังผืด ส่งผลให้เป็นโรคสมองเสื่อมในอนาคตสูงกว่า
2. งานวิจัยพบว่าเปอร์เซ็นต์กระดูกแตกหัก และการกระทบกระเทือนทางศีรษะของการใส่นวมในการต่อสู้มีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าการต่อยด้วยมือเปล่า 3 - 5 เท่า กล่าวโดยสรุป ศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่ามีโอกาสเกิดกระดูกหักและภาวะทางสมองน้อยกว่าการต่อสู้ประเภทอื่น ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมการชกและดูแลเรื่องแผลเป็นอย่างดี ซึ่งการแข่งขันรายการนี้ ใช้กฎกติการะดับสากลจึงเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักกีฬาที่เข้าแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น
นักชกในตำนาน “บัวขาว บัญชาเมฆ” กล่าวถึงการแข่งขัน BKFC ว่า เป็นเวทีการต่อสู้ที่แตกต่างจากทุกเวทีที่ผมเคยแข่งขันมา เพราะในฐานะนักมวยไทย ผมคุ้นเคยกับการใช้ทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธ ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก แต่ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ผมจะต้องใช้กำปั้นเพียงอย่างเดียวในการเอาชนะคู่แข่งให้ได้ นอกจากนี้ BKFC ยังใช้สังเวียนทรงกลมที่จะไม่มีการต้อนคู่ต้อสู้เข้ามุมแน่ ๆ คุณต้องน็อกให้ได้อย่างเดียว
จึงนับว่าเป็นเวทีที่ท้าทายมากครับ แต่ถึงอย่างนั้น เป้าหมายเดียวของผมคือการเป็นแชมป์รายการนี้ให้ได้เพื่อให้พี่น้องชาวไทยได้ภูมิใจอีกครั้ง และยังจะเป็นการช่วยโปรโมทกีฬาการต่อสู้ของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลกมากขึ้น ดังนั้น ผมขอกำลังใจจากแฟน ๆ ทุกคนให้มาร่วมชมร่วมเชียร์ผมและนักสู้ชาวไทยคนอื่น ๆ ด้วยครับ โดยสามารถดูผ่านแอป BKFC ได้จากมือถือเลย และผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
สำหรับนัดประวัติศาสตร์ในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าครั้งแรกของฮีโร่ไทย “บัวขาว บัญชาเมฆ” บนเวทีมวยราชดำเนินจะจัดขึ้น ในวันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2565 เวลา 18:00 น. ICT/11:00 น. GMT/7:00 น. EST จองบัตรได้ที่ Thai Ticket Major ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือเลือกรับชมแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน BKFC Thailand iOS: https://apple.co/3z62ymM Android: https://bit.ly/3b3gHcD หรือที่ลิงก์: https://referral.bareknuckle.tv/BKFCThailand