การแข่งฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 ที่ประเทศกาตาร์ เริ่มขึ้นแล้ว ในส่วนของทีมชาติไทย ลงสนามนัดแรกในวันที่ 16 มกราคม 2567โดยทัวร์นาเมนต์นี้แข้งช้างศึก ซึ่งอันดับแรงกิ้งอยู่ที่ 113 ของโลก อยู่กลุ่ม F ร่วมสายกับ คีร์กิซสถาน อันดับ 98 ของโลก ,โอมาน อันดับ 74 ของโลก และ ซาอุดีอาระเบีย อันดับ 56 ของโลก
สำหรับชาติไทย ผลงานในการทำศึกเอเชียนคัพ เคยเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้ายทั้งหมด 7 ครั้ง ผ่านรอบน็อคเอาท์ได้ 2 ครั้ง ในปี 1972 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพและจบอันดับสาม ขณะที่อีกครั้งในปี 2019 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
วันที่ 16 มกราคม 2567
วันที่ 21 มกราคม 2567
วันที่ 25 มกราคม 2567
มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชทีมชาติไทย เปิดเผยว่า นักฟุตบอลในทีมมีความมุ่งมั่นดี มีสภาพจิตใจที่พร้อมสำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ โดยนักเตะไทยถือว่ามีความสามารถเฉพาะตัวที่สูง แต่ที่ต้องการจากทีมชุดนี้คืออยากให้ทุกคนเล่นทุ่มเทเต็มร้อย
“แน่นอนว่าการไม่มีทั้งธีรศิลป์ แดงดา กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นนักเตะสำคัญสำหรับทีมทั้งคู่ เสียดายที่ไม่สามารถมาร่วมทีมได้ แต่เราก็ยังมีผู้เล่นอย่างธีราทรอยู่ รวมถึงหลายคนในทีมเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถที่จะไปถึงเป้าหมายของทีมและทำผลงานที่ดีได้”
เฮดโค้ชทีมชาติไทย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ”เรายังไม่เคยเล่นกับทีมตะวันออกกลางมาก่อน แน่นอนว่าทีมที่แกร่งที่สุดในกลุ่มคือซาอุดีอาระเบีย และเรามีอันดับโลกต่ำที่สุด แต่โอกาสมันไม่ได้เป็น ศูนย์ ถ้าเราร่วมแรงร่วมใจกัน ก็สามารถไปถึงเป้าหมายได้ จากเกมที่เจอญี่ปุ่น เป็นการเตรียมทีมที่สั้นมากแต่ก็ได้เห็นว่าระดับมันต่างกันแค่ไหน เราก็จะเอามาปรับปรุง พยายามแก้ไขเกมต่อเกม เพื่อพัฒนาขึ้นไปทีละระดับ”
ส่วนทางด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย ได้เผยก่อนทัวร์นาเมนต์นี้จะเริ่มว่า สามเกมที่ทีมชาติไทยจะได้เจอ เป็นเกมที่ยากแน่นอน เริ่มจากเกมแรกที่พบ คีร์กีซสถาน, เกมที่สองที่จะพบกับ โอมาน แล้วก็เกมสุดท้ายพบกับ ซาอุดิอาระเบีย แต่เชื่อว่าทีมชาติไทยมีความพร้อมเต็มที่ ทุกคนมีความมุ่งมั่น ในแง่เป้าหมายพยายามที่จะเข้ารอบ 16 ทีมให้ได้ โดยต้องได้สัก 4-6 แต้ม ซึ่งถามว่ายากมั้ย ก็ยาก แต่ทุกคนก็ตั้งใจจริง
ที่มาข้อมูล-ภาพ