ทัพนักกีฬาจากประเทศไทยได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับประชาชน ด้วยผลงานของนักกีฬาที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันระดับนานาชาติในหลายชนิดกีฬา
ที่ผ่านมานักกีฬาไทยได้แสดงศักยภาพและความมุ่งมั่นในการแข่งขันจนสามารถคว้าเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดงในหลายประเภท โดยมีรายละเอียดดังนี้
เมื่อพูดถึงนักกีฬาเทควันโดระดับโลกของไทย ไม่มีใครจะโดดเด่นไปกว่า "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อีกแล้ว เธอคือความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกให้กับวงการเทควันโดไทยและยังป้องกันแชมป์ในโอลิมปิก 2024
เทนนิส-พาณิภัค เกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2540 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เริ่มฝึกเทควันโดตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ ด้วยการสนับสนุนจากคุณพ่อ
ชื่อเล่น "เทนนิส" ของเธอมาจากความรักในกีฬาของครอบครัว โดยน้องสาวชื่อ "โบว์ลิ่ง" และน้องชายชื่อ "เบสบอล"
ด้วยความมุ่งมั่นและพรสวรรค์ เทนนิสก้าวขึ้นสู่การเป็นนักกีฬาทีมชาติ และคว้าแชมป์โลกครั้งแรกในปี 2558 ที่รัสเซีย ตามด้วยเหรียญทองแดงโอลิมปิกที่ริโอ เดอ จาเนโร ในปี 2559
แม้จะเคยคิดเลิกเล่นหลังได้เหรียญทองแดงที่ริโอ แต่ด้วยกำลังใจจากโค้ชชาวเกาหลีใต้ ชเว ยอง-ซอก ทำให้เทนนิสกลับมาฝึกซ้อมอย่างหนัก จนสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกที่โตเกียวในปี 2564 ได้สำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการกีฬาไทย รวมทั้งโอลิมปิก 2024 ครั้งนี้
นอกจากเป็นนักกีฬา เทนนิสยังเป็นนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นนักกีฬาในสังกัดกองทัพอากาศ เธอชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก
อนาคตหลังเลิกแข่ง เทนนิสวางแผนที่จะเกษียณจากการแข่งขันหลังโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส เพื่อพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บ โดยตั้งใจจะเปิดยิมและคาเฟ่เป็นของตัวเอง พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับเด็กๆ รุ่นต่อไป
เทนนิสยึดถือคติประจำใจว่า "ไม่ว่าคุณจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ จงเชื่อมั่นในตัวเองและลงมือทำ อย่าแค่ฝัน แต่ต้องลงมือทำ ทำก่อนแล้วค่อยกังวลเรื่องผลลัพธ์ อย่ากังวลกับอดีตหรืออนาคต แต่จงโฟกัสกับปัจจุบัน"
จากเด็กสาววัย 15 ที่เริ่มชกมวยเพื่อหารายได้เสริม สู่นักชกทีมชาติไทยที่คว้าเหรียญโอลิมปิก นี่คือเส้นทางอันน่าทึ่งของ "บี" จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง ดาวรุ่งวงการมวยสากลไทยที่กำลังสร้างชื่อในระดับโลก
เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2543 จันทร์แจ่มเริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 15 ปี ด้วยแรงบันดาลใจจาก "วิจารณ์ พลฤทธิ์" อดีตแชมป์โอลิมปิกชาวไทย เธอมองว่ามวยสากลเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ แต่ไม่นานนักก็พบว่านี่คือความรักและความฝันที่แท้จริง
เส้นทางสู่โอลิมปิก 2024 ของบีไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะในปี 2022 เธอประสบปัญหาบาดเจ็บที่นิ้วมือ ต้องพักฟื้นนานถึง 2 เดือน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการฝึกซ้อมอย่างหนัก เธอกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมและสามารถคว้าตั๋วเข้าร่วมโอลิมปิก 2024 ที่ปารีสได้สำเร็จ
ในการแข่งขันโอลิมปิก บีสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้จนถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายแพ้ต่อ อีมาน เคลิฟ จากแอลจีเรีย แต่ด้วยการถูกตัดสิทธิ์ของคู่แข่ง ทำให้บีได้เลื่อนขึ้นไปชิงเหรียญทอง แม้จะพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ แต่เหรียญเงินที่ได้รับก็สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศอย่างมาก
ชีวิตนอกสังเวียน นอกจากเป็นนักมวยมือฉกาจ บียังเป็นนักศึกษาคณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุโขทัย และเป็นนักกีฬาในสังกัดกองทัพอากาศ เธอชื่นชอบการดูหนังและฟังเพลงในยามว่าง
แรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ บียึดถือคติประจำใจว่า "ความพยายามไม่เคยทรยศใคร" เธอเชื่อว่าหากทุ่มเทและพยายามอย่างเต็มที่ ความสำเร็จย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
เกียรติยศสูงสุด
ด้วยผลงานอันโดดเด่น บีได้รับเกียรติให้เป็นผู้ถือธงในพิธีปิดกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส นับเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของนักกีฬาทุกคน
ในการแข่งขันประเภทชายเดี่ยว นักแบดมินตันของไทย "วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์" สามารถคว้าเหรียญเงินมาให้ประเทศได้อย่างน่าภาคภูมิใจเป็นเหรียญของสมาคมแบดมินตันไทยในรอบ 32 ปีที่รอคอย
ผลงานของเขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถและการเตรียมพร้อมที่ยอดเยี่ยมในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งระดับโลก
วิว-กุลวุฒิ วัย 23 ปี เกิดวันที่ 11 พฤษภาคม 2544 ที่จังหวัดชลบุรี ส่วนสูง 177 ซม. มีคติประจำใจคือ "บางครั้งคุณต้องล้มก่อน ถึงจะบินได้"
เริ่มเล่นแบดมินตันตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โดยพ่อซึ่งเป็นโค้ชแบดมินตัน นักกีฬาในดวงใจคือ ลี ชอง เวย์ (มาเลเซีย) เขาชอบดูฟุตบอลและเชียร์ทีมลิเวอร์พูล
ผลงานเด่น ก่อนหน้านี้คือเป็นแชมป์โลกแบดมินตันเดี่ยวชาย ปี 2023 ที่โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก เหรียญเงินโอลิมปิกเยาวชน 2018 ที่บัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา (ประเภททีมผสม) และแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยซ้อน (2017, 2018, 2019) เคยชนะ วิคเตอร์ แอกเซลเซน แชมป์โอลิมปิก ครั้งแรกในรายการ India Open 2023
รู้หรือไม่ว่า วิว-กุลวุฒิเคยมีปัญหาภูมิแพ้ต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆ ตอนเด็ก แต่หลังจากเล่นแบดมินตันอาการดีขึ้น อายุ 12 ปี ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด กรุงเทพฯ จนเข้าสู่วงการแบดมินตันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ในวงการกีฬายกน้ำหนักของไทย มีดาวรุ่งดวงใหม่ที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ นั่นคือ ธีรพงศ์ ศิลาไชย หรือที่รู้จักกันในชื่อ "น้องเต้" หรือ "ฟ่าง" นักกีฬาหนุ่มวัย 20 ปีจากจังหวัดศรีสะเกษ
กว่าจะมาถึงวันนี้ ฟ่าง-ธีรพงศ์ พิสูจน์ตัวเองมากมายจากผลงานโดดเด่น ทั้งแชมป์โลก 2022 ในการแข่งขันครั้งแรกบนเวทีระดับโลก ธีรพงศ์สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์โลกในรุ่น 55 กก. ที่กรุงโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย ด้วยสถิติยอดเยี่ยม 265 กก. (ท่าสแนทช์ 117 กก. อันดับ 4, ท่าคลีนแอนด์เจอร์ค 148 กก. อันดับ 1)
เหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชีย 2023: คว้าเหรียญทองแดงในท่าคลีนแอนด์เจอร์คและคะแนนรวม และล่าสุดกับผลงานอันดับ 2 โอลิมปิก 2024 รคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ในรุ่น 61 กก.
ธีรพงศ์ ถือเป็นความหวังใหม่ของวงการยกน้ำหนักไทย ด้วยวัยเพียง 20 ปี เขายังมีโอกาสพัฒนาฝีมือและสร้างผลงานได้อีกมากในอนาคต การเข้าร่วมโอลิมปิกครั้งแรกและคว้าเหรียญเงินได้สำเร็จ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยหันมาสนใจกีฬายกน้ำหนักมากขึ้น
ในวงการกีฬายกน้ำหนักของไทย มีดาวรุ่งอีกดวงที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ วีรพล วิชุมา หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เวฟ" นักกีฬาหนุ่มวัย 20 ปี ผู้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการได้เหรียญเงินโอลิมปิก 2024 ในรุ่น 73 กก. และเขายังทำลายสถิติโลกรุ่นเยาวชนในท่าคลีนแอนด์เจอร์ค รุ่น 73 กก. ด้วยน้ำหนัก 198 กก. ในการแข่งขันโอลิมปิก 2024 อีกด้วย
วีรพล กล่าวว่า "ผมมีตัวเองเป็นไอดอล" แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เขายังเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองผ่านกีฬาว่า "ก่อนหน้านี้ผมเป็นเด็กดื้อ ไม่มีอะไรดี แต่เมื่อเริ่มเล่นกีฬา ผมก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เพราะมีหน้าที่ต้องฝึกซ้อมและมีความรับผิดชอบมากขึ้น"
เกียรติยศของ "วีรพล" ได้รับเกียรติให้เป็นผู้ถือธงชาติไทยในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส และด้วยวัยเพียง 20 ปี ยังมีโอกาสพัฒนาฝีมือและสร้างผลงานได้อีกมากในอนาคต เขาตั้งเป้าหมายที่จะคว้าเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งต่อไป และสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยหันมาสนใจกีฬายกน้ำหนักมากขึ้น
ในวงการกีฬายกน้ำหนักของไทย มีนักกีฬาสาวที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ สุรจนา คำเบ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ "น้องออย" นักกีฬายกน้ำหนักสาววัย 24 ปี ผู้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์โลก
จุดเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬา สุรจนา เริ่มต้นเส้นทางนักกีฬายกน้ำหนักจากการที่ครูพลศึกษาสังเกตเห็นความแข็งแรงของเธอ และแนะนำให้ลองเล่นกีฬาชนิดนี้
หลังจากนั้นไม่นาน เธอได้ย้ายจากบ้านเกิดในภาคเหนือเพื่อเข้าศึกษาที่โรงเรียนกีฬาในจังหวัดชลบุรี เพื่อฝึกฝนอย่างจริงจัง
ผลงานโดดเด่น แชมป์โลก 2021: คว้าเหรียญทองทั้ง 3 รายการในรุ่น 49 กก. ที่กรุงทาชเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน ด้วยสถิติยอดเยี่ยม 191 กก. (ท่าสแนทช์ 86 กก., ท่าคลีนแอนด์เจอร์ค 105 กก.)
เอเชียนเกมส์ 2018: คว้าเหรียญทองแดงในรุ่น 53 กก. ที่จาการ์ตา-ปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย
ซีเกมส์ 2022: คว้าเหรียญทองในรุ่น 49 กก.
โอลิมปิก 2024: สร้างผลงานยอดเยี่ยมด้วยการคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ในรุ่น 49 กก.
ความมุ่งมั่นและเป้าหมาย สุรจนา มีความฝันที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และเธอก็ทำความฝันนั้นให้เป็นจริงได้ในโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส การคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในอาชีพนักกีฬาของเธอ
ด้วยวัยเพียง 24 ปี สุรจนายังมีโอกาสพัฒนาฝีมือและสร้างผลงานได้อีกมากในอนาคต เธอมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานการแข่งขันและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีระดับโลก
ประเทศไทยมีนักกีฬาได้รับเหรียญรางวัลในหลายประเภทกีฬา รวมทั้งหมด 6 เหรียญ ได้แก่:
เทควันโด
แบดมินตัน
มวยสากล
ยกน้ำหนัก
สรุปประเทศไทยได้รับเหรียญทอง 1 เหรียญ, เหรียญเงิน 3 เหรียญ, และเหรียญทองแดง 2 เหรียญ รวมทั้งหมด 6 เหรียญ
ที่มาข้อมูล : olympics.com/en/paris-2024
ภาพลิขสิทธิ์ : Reuters