นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย และลูกชายของพลตรีจารึก อารีราชการัณย์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ได้แถลงให้การสนับสนุนนายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในการสมัครชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 25 มีนาคมนี้
นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย
ซึ่งนายสุชัย ระบุว่าจะมอบหมายให้นายสีหศักดิ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย หากได้รับเลือกเป็นประธานฯ
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองอยู่ในวงการกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยได้ติดตามคุณพ่อไปงานกีฬาต่างๆ รวมถึงเอเชียนเกมส์ที่กรุงรัชกาล ในช่วงที่คุณพ่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมาคมกรีฑา และเคยเป็นเลขาธิการสมาคมฟุตบอลมาก่อนหน้านั้น ทำให้มีความคุ้นเคยกับวงการกีฬามาอย่างยาวนาน
"วันนี้ผมเองนอกจากเป็นนายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแล้ว โดยที่เริ่มทำเพราะแรงบันดาลใจจากคุณพ่อที่อยากให้ผมทำกีฬาฤดูหนาวที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยได้เข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งโชคดีที่เราใกล้ถึงจุดนั้นแล้ว" นายสีหศักดิ์กล่าว
นายสีหศักดิ์ยังเล่าถึงคำสอนของคุณพ่อที่ว่า "เราทำกีฬาเพื่อกีฬานะลูก อย่าไปคิดว่าเราทำกีฬาแล้วจะต้องเอาชนะใคร" ซึ่งเป็นหลักการที่เขายึดถือมาตลอด
นายสีหศักดิ์ เล่าด้วยว่าปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยด้วย ทำให้ได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งส่งผลให้ได้รู้จักกับบุคคลสำคัญในวงการกีฬานานาชาติ ทั้งในระดับสหพันธ์กีฬา สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) และคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เป็นจำนวนมาก
นายสีหศักดิ์ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของวงการกีฬาไทยในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการที่ประเทศไทยยังขาดตัวแทนที่มีบทบาทสำคัญในองค์กรกีฬาระดับโลก ที่สามารถเจรจาและสร้างความเกรงใจกับประเทศอื่นๆ ได้
"ยกตัวอย่างว่า การที่ประเทศไทยต้องการจะจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ จำเป็นต้องมีการเจรจากับองค์กรกีฬาระดับโลก ซึ่งในอดีตประเทศไทยเคยมีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชียนเกมส์แทนอินเดีย แต่ในปัจจุบัน การจะเป็นเจ้าภาพต้องวางแผนล่วงหน้าไกลถึงปี 2038 ตอนนี้เจ้าภาพปี 2026 เป็นญี่ปุ่น ปี 2030 เป็นกาตาร์ จะเห็นว่าหลังๆ นี้ในเอเชียนเกมส์ หลังจากที่เคยจัดอยู่ในเอเชียตะวันออกหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศในแถบตะวันออกกลางกำลังต้องการที่จะเข้ามาเป็นเจ้าภาพมากขึ้น เนื่องจากพวกเขามีงบประมาณในการจัดการแข่งขัน" นายสีหศักดิ์กล่าว
นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย
เขายังคาดการณ์ว่า ประเทศในเอเชียกลาง เช่น อุซเบกิสถานและคาซัคสถาน ก็มีความสนใจที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเช่นกัน และเน้นย้ำว่าหากประเทศไทยต้องการเข้าไปมีบทบาทในการเป็นเจ้าภาพ จำเป็นต้องมีทีมงานที่แข็งแกร่ง และต้องเข้าไปเจรจากับสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ)
นายสีหศักดิ์แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับปัญหางบประมาณสนับสนุนสมาคมกีฬาในประเทศไทย โดยกล่าวว่า
"ถ้าเรายังเดินไปแบบนี้ นักกีฬาของเราจะไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อตั๋วเครื่องบินไปแข่งขันเพื่อควอลิฟายเข้าแข่งขันรายการระดับโลก ซึ่งถ้าไม่ได้ควอลิฟาย เราก็ไม่มีโอกาสเข้าแข่งขันเลย"
เขายกตัวอย่างว่า ในปัจจุบันมีเพียงไม่กี่สมาคมกีฬาจาก 69 สมาคมที่มีเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะวางแผนการทำงานล่วงหน้าได้ โดยในกรณีของสมาคมฟิกเกอร์สเก็ตติ้งเมื่อเริ่มเข้าทำงาน ผมได้รับงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทยเพียง 80,000 บาทเท่านั้น ซึ่งแทบไม่เพียงพอแม้แต่จะจ้างเจ้าหน้าที่ประจำหนึ่งคนความน่ารักอย่างเดียวมันไม่พอในปัจจุบัน" นายสีหศักดิ์กล่าว พร้อมเน้นย้ำว่าแม้แค่การแข่งขันระดับซีเกมส์ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาค รัฐบาลไทยก็พยายามจัดสรรงบประมาณอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังมีข้อจำกัด
นายสีหศักดิ์ได้อธิบายถึงกระบวนการเตรียมทีมนักกีฬาของไทยว่า โดยทั่วไปเมื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ประเทศไทยจะเก็บตัวนักกีฬาเป็นเวลาหนึ่งปี สำหรับกีฬาที่มีการทุ่มงบประมาณพิเศษอาจเก็บตัวได้ถึงสองปี แต่หากต้องออกไปแข่งขันในต่างประเทศอย่างเช่นซีเกมส์ จะเก็บตัวเพียง 3 ถึง 6 เดือนเท่านั้น
เขายังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการเก็บตัวนักกีฬา โดยเฉพาะเมื่อมีการกำหนดจำนวนนักกีฬาที่ค่อนข้างมาก ทำให้หน่วยงานภาครัฐมีความลำบากในการจัดสรรงบประมาณ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยมีงบประมาณจำกัดและมีการขาดดุลงบประมาณ
"ทุกการใช้งบประมาณจะต้องมีเหตุผล" นายสีหศักดิ์กล่าว และแสดงความกังวลว่าปลายปีนี้ยังไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการเก็บตัวนักกีฬา ในขณะที่ปีหน้ามีการแข่งขันเอเชียนเกมส์ และปีถัดไปมีการแข่งขันซีเกมส์และโอลิมปิกเกมส์ตามมา
นายสีหศักดิ์เน้นย้ำว่า สมาคมกีฬาที่เป็นกีฬาโอลิมปิกซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย จำเป็นต้องมีแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลก
เขากล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะพยายามสร้างความภาคภูมิใจจากการเป็นเจ้าเหรียญทองในกีฬาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ แต่เป้าหมายที่แท้จริงควรเป็นการมุ่งสู่ความสำเร็จในระดับเอเชียนเกมส์และโอลิมปิกเกมส์
นายสีหศักดิ์ยังกล่าวถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของวงการกีฬาไทย โดยระบุว่า หลังจากที่ประเทศไทยเคยมีความโดดเด่นในกีฬาบางประเภทมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันกำลังประสบปัญหานักกีฬาที่มีอายุมากขึ้น โดยยกตัวอย่างว่า ทีมชาติไทยมีอายุเฉลี่ย 31 ปี ในขณะที่ทีมชาติมาเลเซียมีอายุเฉลี่ยเพียง 23 ปีเท่านั้น ต้องจับตาดูว่าเขาจะเป็นเข้าซีเกมส์ได้หรือไม่
นายสีหศักดิ์ได้กล่าวถึงจุดแข็งของประเทศไทยในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า "จุดดีของประเทศไทยก็คือเราเข้ากับประเทศไหนก็ได้" ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการสร้างความร่วมมือด้านกีฬาในระดับนานาชาติ
แต่ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือประเทศอื่นๆ ทุกประเทศล้วนเป็นมิตรกับประเทศไทย แม้ว่าในบางครั้งอาจมีความขัดแย้งกับประเทศในอาเซียนด้วยกันบ้าง แต่ก็ยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดี
นายสีหศักดิ์ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้บริหารกีฬาในประเทศต่างๆ โดยระบุว่า เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกของบาหลีเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
นายสีหศักดิ์แสดงความหวังว่า หากทีมงานของนายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม ได้รับความไว้วางใจจากสมาคมกีฬาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พวกเขาจะสามารถพัฒนาวงการกีฬาไทยให้ก้าวหน้าได้อย่างมีหลักการ
"อดีตที่ดีและไม่ดี การที่เราไม่ได้จัดเอเชียนเกมส์ที่ผ่านมาหรืออะไรก็ตาม เราต้องลืมมันไป เราจะเดินไปข้างหน้าสู่ชัยชนะ นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจ ไม่ได้มองว่าใครเป็นคู่แข่งหรือศัตรู แต่พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อพัฒนากีฬาไทย" นายสีหศักดิ์ กล่าวปิดท้าย