thansettakij
"ความอ่อนแอวงการกีฬาไทย" ในมุม "สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์"

"ความอ่อนแอวงการกีฬาไทย" ในมุม "สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์"

17 มี.ค. 2568 | 09:40 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2568 | 12:04 น.

ผ่าปัญหาและความอ่อนแอวงการกีฬาไทย จาก "สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์" ลูกชาย "พล.ต.จารึก" ที่เล่าตอนหนึ่งในการแถลงสนับสนุน "สุชัย พรชัยศักดิ์อุดม" ชิงประธานโอลิมปิค

นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย และลูกชายของพลตรีจารึก อารีราชการัณย์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ได้แถลงให้การสนับสนุนนายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในการสมัครชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 25 มีนาคมนี้

 

นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย

 

ซึ่งนายสุชัย ระบุว่าจะมอบหมายให้นายสีหศักดิ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย หากได้รับเลือกเป็นประธานฯ

 

ความคลุกคลีวงการกีฬา

 

นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองอยู่ในวงการกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยได้ติดตามคุณพ่อไปงานกีฬาต่างๆ รวมถึงเอเชียนเกมส์ที่กรุงรัชกาล ในช่วงที่คุณพ่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมาคมกรีฑา และเคยเป็นเลขาธิการสมาคมฟุตบอลมาก่อนหน้านั้น ทำให้มีความคุ้นเคยกับวงการกีฬามาอย่างยาวนาน

"วันนี้ผมเองนอกจากเป็นนายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแล้ว โดยที่เริ่มทำเพราะแรงบันดาลใจจากคุณพ่อที่อยากให้ผมทำกีฬาฤดูหนาวที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยได้เข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งโชคดีที่เราใกล้ถึงจุดนั้นแล้ว" นายสีหศักดิ์กล่าว 

 

หลักการทำงานด้านกีฬา

 

นายสีหศักดิ์ยังเล่าถึงคำสอนของคุณพ่อที่ว่า "เราทำกีฬาเพื่อกีฬานะลูก อย่าไปคิดว่าเราทำกีฬาแล้วจะต้องเอาชนะใคร" ซึ่งเป็นหลักการที่เขายึดถือมาตลอด

นายสีหศักดิ์ เล่าด้วยว่าปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยด้วย ทำให้ได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งส่งผลให้ได้รู้จักกับบุคคลสำคัญในวงการกีฬานานาชาติ ทั้งในระดับสหพันธ์กีฬา สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) และคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เป็นจำนวนมาก

 

 

ความอ่อนแอและท้าทายของวงการกีฬาไทย

 

นายสีหศักดิ์ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของวงการกีฬาไทยในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการที่ประเทศไทยยังขาดตัวแทนที่มีบทบาทสำคัญในองค์กรกีฬาระดับโลก ที่สามารถเจรจาและสร้างความเกรงใจกับประเทศอื่นๆ ได้

 

"ยกตัวอย่างว่า การที่ประเทศไทยต้องการจะจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ จำเป็นต้องมีการเจรจากับองค์กรกีฬาระดับโลก ซึ่งในอดีตประเทศไทยเคยมีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชียนเกมส์แทนอินเดีย แต่ในปัจจุบัน การจะเป็นเจ้าภาพต้องวางแผนล่วงหน้าไกลถึงปี 2038  ตอนนี้เจ้าภาพปี 2026 เป็นญี่ปุ่น ปี 2030 เป็นกาตาร์ จะเห็นว่าหลังๆ นี้ในเอเชียนเกมส์ หลังจากที่เคยจัดอยู่ในเอเชียตะวันออกหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศในแถบตะวันออกกลางกำลังต้องการที่จะเข้ามาเป็นเจ้าภาพมากขึ้น เนื่องจากพวกเขามีงบประมาณในการจัดการแข่งขัน" นายสีหศักดิ์กล่าว

 

นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย

 

เขายังคาดการณ์ว่า ประเทศในเอเชียกลาง เช่น อุซเบกิสถานและคาซัคสถาน ก็มีความสนใจที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเช่นกัน และเน้นย้ำว่าหากประเทศไทยต้องการเข้าไปมีบทบาทในการเป็นเจ้าภาพ จำเป็นต้องมีทีมงานที่แข็งแกร่ง และต้องเข้าไปเจรจากับสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ)

 

ปัญหางบประมาณสนับสนุนกีฬา

 

นายสีหศักดิ์แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับปัญหางบประมาณสนับสนุนสมาคมกีฬาในประเทศไทย โดยกล่าวว่า

 

"ถ้าเรายังเดินไปแบบนี้ นักกีฬาของเราจะไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อตั๋วเครื่องบินไปแข่งขันเพื่อควอลิฟายเข้าแข่งขันรายการระดับโลก ซึ่งถ้าไม่ได้ควอลิฟาย เราก็ไม่มีโอกาสเข้าแข่งขันเลย"

 

เขายกตัวอย่างว่า ในปัจจุบันมีเพียงไม่กี่สมาคมกีฬาจาก 69 สมาคมที่มีเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะวางแผนการทำงานล่วงหน้าได้ โดยในกรณีของสมาคมฟิกเกอร์สเก็ตติ้งเมื่อเริ่มเข้าทำงาน ผมได้รับงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทยเพียง 80,000 บาทเท่านั้น ซึ่งแทบไม่เพียงพอแม้แต่จะจ้างเจ้าหน้าที่ประจำหนึ่งคนความน่ารักอย่างเดียวมันไม่พอในปัจจุบัน" นายสีหศักดิ์กล่าว พร้อมเน้นย้ำว่าแม้แค่การแข่งขันระดับซีเกมส์ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาค รัฐบาลไทยก็พยายามจัดสรรงบประมาณอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังมีข้อจำกัด

 

กระบวนการเตรียมทีมนักกีฬา

 

นายสีหศักดิ์ได้อธิบายถึงกระบวนการเตรียมทีมนักกีฬาของไทยว่า โดยทั่วไปเมื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ประเทศไทยจะเก็บตัวนักกีฬาเป็นเวลาหนึ่งปี สำหรับกีฬาที่มีการทุ่มงบประมาณพิเศษอาจเก็บตัวได้ถึงสองปี แต่หากต้องออกไปแข่งขันในต่างประเทศอย่างเช่นซีเกมส์ จะเก็บตัวเพียง 3 ถึง 6 เดือนเท่านั้น

 

เขายังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการเก็บตัวนักกีฬา โดยเฉพาะเมื่อมีการกำหนดจำนวนนักกีฬาที่ค่อนข้างมาก ทำให้หน่วยงานภาครัฐมีความลำบากในการจัดสรรงบประมาณ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยมีงบประมาณจำกัดและมีการขาดดุลงบประมาณ

 

"ทุกการใช้งบประมาณจะต้องมีเหตุผล" นายสีหศักดิ์กล่าว และแสดงความกังวลว่าปลายปีนี้ยังไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการเก็บตัวนักกีฬา ในขณะที่ปีหน้ามีการแข่งขันเอเชียนเกมส์ และปีถัดไปมีการแข่งขันซีเกมส์และโอลิมปิกเกมส์ตามมา

 

 

 

ความท้าทายในการพัฒนากีฬาไทย

 

นายสีหศักดิ์เน้นย้ำว่า สมาคมกีฬาที่เป็นกีฬาโอลิมปิกซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย จำเป็นต้องมีแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลก

 

เขากล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะพยายามสร้างความภาคภูมิใจจากการเป็นเจ้าเหรียญทองในกีฬาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ แต่เป้าหมายที่แท้จริงควรเป็นการมุ่งสู่ความสำเร็จในระดับเอเชียนเกมส์และโอลิมปิกเกมส์

 

นายสีหศักดิ์ยังกล่าวถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของวงการกีฬาไทย โดยระบุว่า หลังจากที่ประเทศไทยเคยมีความโดดเด่นในกีฬาบางประเภทมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันกำลังประสบปัญหานักกีฬาที่มีอายุมากขึ้น โดยยกตัวอย่างว่า ทีมชาติไทยมีอายุเฉลี่ย 31 ปี ในขณะที่ทีมชาติมาเลเซียมีอายุเฉลี่ยเพียง 23 ปีเท่านั้น ต้องจับตาดูว่าเขาจะเป็นเข้าซีเกมส์ได้หรือไม่

 

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้านกีฬา

 

นายสีหศักดิ์ได้กล่าวถึงจุดแข็งของประเทศไทยในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า "จุดดีของประเทศไทยก็คือเราเข้ากับประเทศไหนก็ได้" ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการสร้างความร่วมมือด้านกีฬาในระดับนานาชาติ

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือประเทศอื่นๆ ทุกประเทศล้วนเป็นมิตรกับประเทศไทย แม้ว่าในบางครั้งอาจมีความขัดแย้งกับประเทศในอาเซียนด้วยกันบ้าง แต่ก็ยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดี

 

นายสีหศักดิ์ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้บริหารกีฬาในประเทศต่างๆ โดยระบุว่า เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกของบาหลีเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

 

การเสนอตัวของทีมงาน

 

นายสีหศักดิ์แสดงความหวังว่า หากทีมงานของนายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม ได้รับความไว้วางใจจากสมาคมกีฬาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พวกเขาจะสามารถพัฒนาวงการกีฬาไทยให้ก้าวหน้าได้อย่างมีหลักการ

 

"อดีตที่ดีและไม่ดี การที่เราไม่ได้จัดเอเชียนเกมส์ที่ผ่านมาหรืออะไรก็ตาม เราต้องลืมมันไป เราจะเดินไปข้างหน้าสู่ชัยชนะ นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจ ไม่ได้มองว่าใครเป็นคู่แข่งหรือศัตรู แต่พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อพัฒนากีฬาไทย" นายสีหศักดิ์ กล่าวปิดท้าย