"ปตท." คาดราคาน้ำมันดิบปีหน้าอยู่ในกรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ

23 พ.ย. 2565 | 09:35 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ย. 2565 | 16:36 น.

"ปตท." คาดราคาน้ำมันดิบปีหน้าอยู่ในกรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาเรล ชี้เต็มไปด้วยความผันผวนจากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยงานสัมมนาออนไลน์  2022 The Annual Petroleum Outlook Forum ภายใต้หัวข้อ “Thriving amid Global Energy Volatility towards Sustainable Future – เติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความผันผวนของพลังงานโลก” ว่า สถานการณ์พลังงานภาพรวมปี 2566 ยังคงเต็มไปด้วยความผันผวน จากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายทางการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก 

 

ทั้งนี้ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) เฉลี่ยปี 66 ในกรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ด้วยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 66 แต่อุปทานน้ำมันจากรัสเซียอาจจะหายไปจากตลาด หลังยุโรปเริ่มการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันรัสเซียเต็มรูปแบบในปลายปี 65 
 

รวมทั้งความร่วมมือของโอเปกพลัส (OPEC+) ในการพยุงราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ จะสามารถเพิ่มการผลิต เพื่อชดเชยอุปทานที่ขาดหายไปจากรัสเซียได้หรือไม่ รวมถึงประเด็นการยกเลิกคว่ำบาตรต่ออิหร่าน และเวเนซุเอล่า ที่อาจเป็น Game Changer ในการเพิ่มอุปทานน้ำมันดิบเข้ามาในตลาด  

 

คาดราคาน้ำมันดิบปีหน้าอยู่ในกรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาเรล

"สถานการณ์พลังงานของโลกในปัจจุบันนั้น ยังคงอยู่ท่ามกลางความผันผวน จากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์  ที่นำไปสู่วิกฤติพลังงานในหลายๆประเทศ  ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ประชาคมโลกต่างต้องร่วมมือผลักดันการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยในการประชุม COP27 ที่ผ่านมา ณ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์  ประเทศไทยได้ร่วมแถลงยุทธศาสตร์ชาติอย่างเป็นรูปธรรม  ที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 ตามที่ได้แสดงเจตนารมณ์ไว้ใน COP26 ในปีที่ผ่านมา"

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความผันผวนนี้กลุ่ม ปตท. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมความพร้อมและจัดหาพลังงานรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้มีการปรับทิศทางและกลยุทธ์องค์กร มุ่งพัฒนาธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ตอบรับทิศทางโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป ทั้งธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร  ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน  และธุรกิจใหม่อื่นๆ  

 

พร้อมประกาศเจตนารมณ์ กลุ่ม ปตท. มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 15% ภายในปี 2030 บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ  กลุ่ม ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญสร้างความมั่นคงทางพลังงาน  ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างสมดุลและยั่งยืน

 

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เปิดเผยว่า ปี 65 นี้ หลายประเทศต่างให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานและการเข้าถึงพลังงานเป็นประเด็นหลัก  อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพภูมิอากาศทั่วโลกที่แปรปรวน  รวมถึงภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน  ทำให้เราต้องตระหนักและร่วมมือกันแก้ไขปัญหา Climate Change อย่างต่อเนื่องจริงจัง

 

โดยนักวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน กลุ่ม ปตท. หรือ “PRISM Experts”  ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอข้อมูลและวิเคราะห์ทิศทางราคาน้ำมัน  รวมถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมพลังงานต้องเผชิญ