สหภาพยุโรป (EU) ได้เสร็จสิ้น การประชุมกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย แล้วเมื่อวันศุกร์ (2 ธ.ค.) โดยที่ประชุมสามารถบรรลุข้อตกลงในการกำหนดราคาน้ำมันรัสเซียที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล และให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เพดานราคาอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของราคาตลาดอย่างน้อย 5%
มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้รัสเซียมีรายได้ลดลงจากการจำหน่ายน้ำมันที่จะนำไปสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน แต่ก็จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกจนทำให้เกิดภาวะขาดแคลน
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 (G7) รวมทั้ง EU และออสเตรเลีย มีกำหนดบังคับใช้เพดานราคาน้ำมันรัสเซียในวันที่ 5 ธ.ค. นี้ โดยจะมีผลบังคับใช้กับน้ำมันรัสเซียที่มีการขนส่งผ่านทางเรือบรรทุกน้ำมัน แต่ไม่รวมน้ำมันที่มีการขนส่งผ่านท่อส่งน้ำมัน
ทำเนียบขาวร่วมแสดงความยินดี
นายจอห์น เคอร์บี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวในวันเดียวกัน แสดงความยินดีต่อการที่อียูสามารถบรรลุข้อตกลงในการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย
"เราเชื่อว่าการกำหนดเพดานราคาดังกล่าวจะทำให้ประธานาธิบดีปูตินมีกำไรที่ลดลงจากการจำหน่ายน้ำมันที่จะนำไปสนับสนุนการทำสงครามและเข่นฆ่าประชาชนที่บริสุทธิ์ในยูเครน" นายเคอร์บีระบุ
หลังมีผลบังคับใช้ จะเป็นอย่างไร
การกำหนดเพดานราคาน้ำมันดังกล่าว ถือเป็นมาตรการลงโทษต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนมาตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าสงครามจะยุติลง
เมื่อมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียที่กลุ่ม G7 , อียู และออสเตรเลีย ประกาศไว้ มีผลบังคับใช้ (5 ธ.ค.) ก็จะทำให้สถาบันการเงิน บริษัทเดินเรือ บริษัทประกันวินาศภัย และบริษัทประกันภัยต่อ ไม่สามารถให้บริการใดๆที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งคาร์โกน้ำมันรัสเซียที่มีราคาสูงกว่าเพดานที่ G7 และพันธมิตรกำหนดไว้