นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า อนุกรรมการค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที ) ในวันศุกร์นี้จะพิจารณาเรื่องการปรับลดค่าไฟฟ้าเอฟทีสำหรับ งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.66 ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้าที่รับภาระแทนประชาชนไปก่อนจาก 2 ปี เป็น 2ปี 4 เดือน
ทั้งนี้ จากการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. ลดลงเหลือ 4.70 บาทต่อหน่วย จาก 4.77 บาทต่อหน่วย ซึ่งอนุกรรมการฯมีตัวแทนจากกระทรวงการคลัง ที่ดูแลเรื่องวินัยการเงินการคลังและหนี้สินร่วมอยู่ด้วย
หากได้รับความเห็นชอบคาดว่าจะมีการรับฟังความเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย จากนั้นจะประกาศลดค่าไฟฟ้าต่อไป
สำหรับหนังสือที่ กฟผ.ยืนยันจะยืดหนี้นั้นระบุว่า งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.66 นี้ สามารถจัดการด้านสภาพคล่องได้ แต่สำหรับงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.66 อาจจะเกิดปัญหาสภาพคล่องไม่สามารถที่จะยืดหนี้ได้อีก ประชาชนก็จะต้องคืนหนี้แก่ กฟผ. โดยหนี้วงเงินเต็มนั้น อยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท และมีการคืนหนี้ในงวดเดือนม.ค.-เม.ย.ไปแล้ว วงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานคณะกรรมการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.ได้ทำหนังสือยืนยันไปยัง กกพ. และเชื่อว่า กกพ.จะเห็นชอบปรับลดค่าไฟฟ้าเอฟที งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.
อย่างไรก็ดี จากอากาศที่ร้อนจัดประชาชนเปิดแอร์ดับร้อนกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น ซึ่งค่าไฟฟ้าไทยเป็นอัตราก้าวหน้ายิ่งใช้หน่วยจำนวนมากก็ยิ่งจ่ายแพง โดยค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย.66 ค่าไฟฟ้าบ้านที่อยู่อาศัยเฉลี่ยที่ 4.72 บาทต่อหน่วย และยังมีเงินช่วยเหลือจากรัฐลดพิเศษให้ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน
ส่วนงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.66 กำลังพิจารณาว่าจะมีส่วนใดมาช่วยเหลือเพิ่มเติมได้หรือไม่ นอกเหนือจากการยืดหนี้ของ กฟผ. เพราะจากการหารือกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการอุดหนุนค่าไฟฟ้าที่คาดว่าจะใช้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท
รวมทั้งในขณะนี้ก็ได้มองไปถึงงวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 66 ว่าจะทำอย่างไรให้ต้นทุนต่ำที่สุด โดยมอบให้ ปตท.เร่งนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจีที่ขณะนี้ราคาต่ำ 11-13 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียูมาสำรองไว้ได้หรือไม่ โดยต้องยอมรับว่างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 66 ราคาแอลเอ็นจีสูงมากอยู่ที่ประมาณ 47 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู
"ต้องยอมรับว่าค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นเกิดจากปริมาณก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยลดลง เพราะมีการผลิตและนำมาใช้นานกว่า 40 ปี ประกอบกับช่วงการเปลี่ยนผ่านแหล่งก๊าซเอราวัณจากผู้ผลิตรายเก่ามาเป็นรายใหม่ ผลิตได้ต่ำกว่าแผนงาน ต้องนำเข้าแอลเอ็นจีมาผลิตไฟฟ้าทดแทน และยังเกิดผลกระทบหนักจากราคาพลังงานตลาดโลกก็สูงขึ้นมากในปีที่แล้วจากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยกระทรวงพลังงานได้วางแนวทางลดภาระทุกด้าน แต่สุดท้ายราคาต้องสะท้อนตลาดโลกด้วย ต้องขอความร่วมมือทุกฝ่ายประหยัดพลังงานเพื่อลดภาระรายจ่ายให้ต่ำที่สุด"