จากกรณีที่สถานีบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) หลายแห่งไม่มีน้ำมันให้บริการ โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ 91 รวมถึงน้ำมันประเภทอื่นที่ลดราคาตามมาตรการรัฐบาลและกระทรวงพลังงานที่ลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน จนมีกระแสข่าวว่าสถานีบริการน้ำมันกักตุนน้ำมันไม่ยอมจำหน่าย
ขณะที่รัฐบาลเองโดยกระทรวงพลังงานได้ออกมาตรการล่าสุดลงนามคำสั่งกระทรวงพลังงานที่ ๔๗/๒๕๖๕๖ แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ติดตามและ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการไม่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วประเทศขึ้นทันที
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลของ "ฐานเศรษฐกิจ" เพื่อไขข้อสงสัยเรื่องน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ไม่มีจำหน่ายพบว่า
แหล่งข่าวจากจากสถานีบริการน้ำมัน ระบุว่า ในความเป็นจริงปั๊มไม่ได้กักตุนน้ำมัน โดยสาเหตุที่น้ำมันหมด เพราะปั๊มลดสต๊อกน้ำมันมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 66 เพื่อขายราคาเดิมให้หมดวันที่ 6 พ.ย. 66 ป้องกันการขาดทุน หลังจากนั้นวันที่ 7 จึงสั่งน้ำมันในราคาใหม่ที่ลดแล้วมาจำหน่าย
สถานีบริการน้ำมันอีกแห่งให้ข้อมูลว่า ที่ปั้มน้ำมันหลายแห่งไม่น้ำมันชนิดเบนซินและแก๊สโซฮอล์จำหน่ายวันที่ 7-8 พ.ย. 66 เนื่องจาก
ส่วนวันที่ 9 พ.ย. 66 บางปั๊มน้ำมันก็อาจจะยังไม่มีน้ำมันจำหน่าย เพราะ
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้วันนี้และพรุ่งนี้บางปั้มยังไม่มีน้ำมันจำหน่าย
อย่างไรก็ดี จากการที่บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) และบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ลงอีก 60 สตางค์ต่อลิตรล่าสุด ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 9 พ.ย. 66 ส่งผลทำให้ปั้มที่ไม่มีน้ำมันขายที่รอคิวรับน้ำมันวันนี้ ก็ไม่จ้องการรับน้ำมันเข้ามาเพิ่ม โดยจะเลือนไปรับวันที่ 9 พ.ย. 66 หลังเวลา 05.00 น. ไม่เช่นนั้นก็จะขาดทุนอีกลิตรละ 60 สตางค์
แหล่งข่าวจากสถานีบริการน้ำมัน ยกตัวอย่างอีกว่า ปั๊มใดที่มีสต๊อกที่ซื้อก่อนวันที่ 6 พ.ย. 66 เหลือแล้วยังขายไม่หมดถึงวันที่ 9 พ.ย. 66 จะเท่ากับว่าราคาลงไปอีก 2.50+0.6 = 3.10 บาท ต้องขาดทุนทันที่ลิตรละ 3.10 บาท เพราะฉะนั้นหากลองคำนวณโดยใช้ 10,000 ลิตร x3.10 ก็จะเท่ากับขาดทุน 31,000บาท
"ที่ยกตัวอย่างเป็นเพียงแค่เบนซิน แก๊สโซฮอล์ 91 ชนิดเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงเบนซิน แก๊สโซฮอล์ลงทุกชนิด ยกเว้นดีเซล เพราะฉะนั้นหากรวมทุกชนิดเบนซิน แก๊สโซฮอล์ทั้งปั้มก็จะขาดทุนเกือบแสนบาท หากไม่ลดสต๊อก หรือปล่อยให้หมดตามกันไป"