นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (Isares Rattanadilok) โดยมีข้อความระบุถึงการทำงานของพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่า
ปัญหาราคาพลังงาน ค่าไฟ น้ำมัน เสนาบดีที่ดี ต้องกล้าที่จะแก้ที่ต้นตอ เพื่อความยั่งยืน
ไม่ลูบหน้า ปะจมูก หรือเฉไฉ สนุกมากหรือ ที่ประชาชนต้องคอยลุ้นระทึกทุก 4 เดือน
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. ยังได้ทำหนังสือถึง นายพีระพันธุ์ มีสาระสำคัญคือ ขอให้พิจารณาปรับราคาหน้าโรงกลั่น หลังจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ได้มีการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรฐานน้ำมันยูโร 5 แล้ว
อย่างไรก็ดี นายพีระพันธุ์เองก็ได้มีการออกมาโพสเฟสบุ๊กส่วนตัว (พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga) โดยระบุว่า ลดค่าไฟ ลดดีเซลมาหลายเดือนแล้วและต่ออีกสี่เดือน สภาอุตสาหกรรมมีมาตรการในการลดราคาสินค้าให้ประชาชนอย่างไรบ้าง
สำหรับมาตรการของกระทรวงพลังงานที่ช่วยเหลือประชาชนหลังปีใหม่ 67 จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า
ค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย.67 จะอยู่ที่ไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย จากเดิมที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.68 บาทต่อหน่วยก่อนหน้านี้
โดยการดำเนินการดังกล่าวที่ประชุม ครม.มีมติให้ปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระเงินคงค้างสะสม (AF) สำหรับงวดเดือนม.ค.-เม.ย. 67 แทนประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าไปก่อน
ส่วนบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะมีการทบทวนสมมติฐานปริมาณและราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และจะมีการนำส่วนลดค่าก๊าซธรรมชาติ จำนวน 4,300 ล้านบาทจากการขาดส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของผู้ผลิต (Shortfall) ในช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2565 มาช่วยลดราคาก๊าซธรรมชาติในรอบนี้ด้วย
"จากมาตรการดังกล่าวทั้งหมด จะทำให้ค่าไฟฟ้างวดเดือนม.ค.-เม.ย.67 จะอยู่ที่ไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย"
ขณะที่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนจะได้รับส่วนลดเพิ่ม 21 สตางค์ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 17 ล้านครัวเรือน จะจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราเดิมคือ 3.99 บาทต่อหน่วย โดยในส่วนนี้จะใช้งบกลางในการบริหารคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1,950 ล้านบาท
การตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรจะหมดอายุลงวันที่ 31 ธ.ค.66 ตามมติเดิม โดย ครม.ได้มีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาเพิ่มไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2567
ซึ่งกระทรวงพลังงานจะหารือกับกระทรวงการคลังในการบริหารจัดการด้านราคา ใช้กลไกของภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ส่วนราคาก๊าซหุงต้มที่ประชุมก็ได้มีมติให้ตรึงราคาที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม เป็นระยะเวลา 3 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 ธ.ค. 67 เช่นเดียวกัน
โดย ครม.อนุมัติให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2567 โดยบริหารผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง