"CEO PTT" คนที่ 11 ได้ข้อสรุปไปเรียบร้อยแล้วจากการประชุมของคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือบอร์ด ปตท. เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา
โดยผู้ที่ได้รับการคัดสรรเป็นไปตามความหมายนั่นก็คือ นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ จีซี (GC) ได้รับการคัดสรรให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือ ซีอีโอ คนใหม่
ต่อจากนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ซีอีโอ ปตท. คนปัจจุบัน ซึ่งจะครบเทอม 4 ปีในวันที่ 12 พฤษภาคม 2567 นี้
ประเด็นที่ถูกจับตามองหลังจากที่นายคงกระพัน เข้ารับตำแหน่งซีอีโอ ก็คือเรื่องของการลงทุน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของ"ฐานเศรษฐกิจ"เกี่ยวกับงบลงทุนของ ปตท. ล่าสุดพบว่า
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีการแจ้งแต่อผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า คณะกรรมการ ปตท. ในการประชุมครั้งที่ 12/2566 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ได้มีมติอนุมัติงบลงทุน 5 ปี (ปี 2567 - 2571) ของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% วงเงินรวม 89,203 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
ปตท. มีการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Business) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของงบการลงทุน 5 ปี ประมาณ 51%
โดยมีโครงการหลัก อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8 รวมทั้งโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5
อย่างไรก็ดี เพื่อให้การลงทุนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ ปตท. “Powering life with future energy and beyond” นั้น ปตท. ยังมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% เช่น โครงการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี (EV) ครบวงจร เช่น โครงการ EVme ซึ่งให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า HorizonPlus โครงการการลงทุนในธุรกิจโรงงานประกอบแบตเตอรี่โดยใช้เทคโนโลยี Cell- To-Pack (CTP) รวมถึงโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่3 และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3
อย่างไรก็ตาม ปตท. ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างหาโอกาสลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปี ข้างหน้าอีกจำนวน 106,932 ล้านบาท โดยหลักเพื่อการขยายการลงทุนในช่วงการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เช่น การขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานเปลี่ยนผ่าน (Transition Fuel)
ซึ่งจะมุ่งเน้นการขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติและการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างครบวงจร (LNG Value Chain) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
การขยายการลงทุนของธุรกิจปิโตรเลียมขั้น ปลายในการสร้างถังเก็บผลิตภัณฑ์ รวมถึงมุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เช่น การลงทุนในธุรกิจชีววิทยาศาสตร์(Life science) ซึ่งรวมถึงธุรกิจยาธุรกิจโภชนาการและอุปกรณ์และการวินิจฉัยทางการแพทย์ธุรกิจ AI & Robotics เพื่อเป้าหมายการเป็นผู้นำการให้บริการด้าน AI & Robotics ในอนาคต ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานโดยมุ่งเน้นการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งท้งัหมดของประเทศ