ราคาน้ำมันวันนี้ที่จำหน่ายในประเทศไทยถือว่ายังอยู่ในะดับสูง แม้ว่าล่าสุดบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) และบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) จะพึ่งประกาศปรับลดราคาลงมา 30 สตางค์ต่อลิตร ในส่วนของน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์
แต่หากดูสถิติการปรับขึ้น-ลงตั้งแต่หลังเทศกาลปีใหม่เป็นต้นมาจะพบว่า มีการปรับขึ้นราคาไปแล้วทั้งหมด 10 รอบ ขณะที่การปรับลดราคาหากรวมครั้งล่าสุดมีเพียง 4 รอบเท่านั้น
ทั้งนี้ จากการปรับขึ้น-ลงดังกล่าวจึงทำให้ราคาน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้นไปแล้วถึง 3 บาทต่อลิตรตั้งแต่ต้นปี
อย่างไรก็ดี ประเด็นที่ถูกจับตามองมากที่สุดของการที่ราคาน้ำมันในประเทศปรับขึ้นสูงคงหนีไม่พ้นเรื่อง "ค่าการตลาด" ที่ตกเป็นจำเลยเสมอ
จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" เกี่ยวกับ "ค่าการตลาด" น้ำมันเบนซินล่าสุดจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ข้อมูลวันที่ 15 มี.ค. 67 พบว่า
จากการปรับขึ้น-ลงราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นวันนี้ เป็นดังนี้
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการคสบคุมการค้ากำไรเกินควรของผู้ค้า กระทรวงพลังานได้ออกประกาศ เรื่อง การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2567 ซึ่งให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป หลังราชกิจจานุเบกษาระบุให้มีผลบังคับใช้
โดยประกาศกระทรวงพลังงานฉบับดังกล่าวได้กำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 รายงานข้อมูลรายละเอียดราคาและต้นทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการนำเข้าและการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงต่ออธิบดีกรมธุรกิจพลังงานทราบ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการบันทึกบัญชีรายวัน
รวมถึงแจ้งราคาต้นทุนเฉลี่ยและหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการคำนวณต้นทุนเฉลี่ยของน้ำมันเชื้อเพลิงในทุกไตรมาส และกรณีที่ผู้ค้าน้ำมันปรับปรุงการบันทึกบัญชี หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล จะต้องแจ้งให้อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานทราบภายใน 7 วัน โดยข้อมูลที่ได้รับมาจะถือเป็นข้อมูลลับของทางราชการและมีการเก็บรักษาเป็นความลับอย่างที่สุด