นางสาวรสนา โตสิตระกูล อนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาผู้บริโภค โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว (รสนา โตสิตระกูล) ระบุว่า
รัฐมนตรีพลังงาน กล้าๆใช้อำนาจหน่อย รัฐมนตรีพลังงานใช้เวลา 8 เดือนตั้งแต่ดำรงตำแหน่งออกกฎหมายให้โรงกลั่นต้องเปิดเผยต้นทุนราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น
แต่ตามกฎหมายเปิดให้กรมธุรกิจพลังงานรับรู้เท่านั้นและไม่เปิดเผยข้อมูลให้ใคร แล้วใครจะตรวจสอบได้
อุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันไทยใช้ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบเป็นหลัก ราคาน้ำมันดิบดูไบเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2567 อยู่ที่ 84.09 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปัจจุบันค่าเงินบาทอ่อนค่าเป็น 37.10 บาท/เหรียญสหรัฐ
เมื่อแปลงเป็นบาทต่อลิตร จะได้น้ำมันดิบราคา19.62 บาท/ลิตร เมื่อจะแปลงเป็นน้ำมันสำเร็จรูป ก็ใช้ราคามาตรฐานสากลที่กำหนดค่าการกลั่นที่ 7เหรียญ/บาร์เรล คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.60-2 บาท/ลิตร
แทนที่รัฐมนตรีจะไปเสียเวลาหาราคาต้นทุนหน้าโรงกลั่น ก็ควรใช้ราคาน้ำมันดิบดูไบ บวกค่าการกลั่น 7-8 เหรียญ/บาร์เรล ก็จะได้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นที่เหมาะสม โดยไม่ต้องเสียเวลาให้โรงกลั่นมารายงานต้นทุนที่แท้จริงที่จะมีใครตรวจสอบความถูกต้องได้ ใช่หรือไม่
ลองเปรียบเทียบราคาน้ำมันดิบ และราคาน้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 ระหว่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (2554-2557) และรัฐบาลเศรษฐา (2567) โดยพิจารณาจากราคาน้ำมันดิบดูไบ ราคาหน้าโรงกลั่น ภาษีสรรพสามิต กองทุนน้ำมัน และค่าการตลาดของทั้ง2รัฐบาลพรรคเดียวกัน พบข้อมูลว่า
ราคาน้ำมันดิบดูไบสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีราคาสูงถึง 110-120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อเทียบเป็นเงินไทยต่อลิตร จะประมาณ 22-24 บาทต่อลิตร อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทช่วงนั้นอยู่ที่ประมาณ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
ในขณะที่สมัยรัฐบาลเศรษฐา ราคาน้ำมันดิบดูไบมีราคา อยู่ระหว่าง 80-85 เหรียญ/บาร์เรล วันที่ 3 พ.ค.2567 น้ำมันดิบดูไบราคา 84.09 เหรียญสหรัฐ/ บาร์เรล แม้อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่ากว่าสมัยยิ่งลักษณ์ โดยอัตราเป็น 37.10 บาท/เหรียญสหรัฐ แต่ราคาน้ำมันดิบเมื่อเปลี่ยนเป็นบาทต่อลิตร ก็ราคาเพียง 19.62 บาท/ลิตรเท่านั้น แต่ราคาขายหน้าปั๊มสูสีเท่ากับราคาน้ำมันสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ราคาที่จะเปรียบเทียบกันคือราคาเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 ระหว่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ วันที่7 พค.2557 กับ รัฐบาลเศรษฐา วันที่ 3 พค.2567
ค่าการกลั่นสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ที่ 2.91บาท/ลิตร (24.91-22=2.91)
แต่ในรัฐบาลเศรษฐา ค่าการกลั่นสูงถึง 4.57 บาท/ลิตร (24.19-19.62=4.57)
และค่าการตลาดเบนซิน 95 ,แก๊สโซฮอล์ 95 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ที่ 2.89บาท/ลิตร และ 2.48 บาท/ลิตร
ส่วนรัฐบาลเศรษฐาค่าการตลาดเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 สูงถึง 4.31 บาท/ลิตร และ 4.34 บาท/ลิตร โดยลำดับ
ท่านพีระพันธ์ควรไปดูสถิติราคาแต่ละช่วงเวลา ราคาน้ำมันดิบดูไบ ค่าการกลั่นที่เป็นมาตรฐานสากล ค่าการตลาดที่เหมาะสม ซึ่งเป็นส่วนที่ผู้ประกอบการได้ ควรมีราคาเหมาะสมที่เท่าไหร่ จึงจะไม่เป็นการเอากำไรเกินสมควรจากประชาชน
ถ้าท่านพีระพันธ์รู้ต้นทุนที่แท้จริงแล้ว ก็ควรใช้อำนาจรัฐมนตรีในการกำหนดค่าการกลั่นที่เหมาะสมตามมาตรฐานสากลคือ 7 -8 เหรียญต่อบาร์เรล แปลงเป็นเงินบาทต่อลิตร ค่าการกลั่นควรอยู่ที่ประมาณ 2บาท/ลิตร ถ้ากำหนดได้เช่นนี้ ค่าการกลั่นจาก 4.57 บาท/ลิตร จะลดลงไป 2.57บาท/ลิตร เท่ากับลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นได้ 2.57 บาท/ลิตร
ท่านพีระพันธ์ควรใช้อำนาจรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานควบคุมค่าการตลาดให้ได้ที่2บาท/ลิตร จะลดค่าการตลาดที่ปัจจุบันเก็บที่ 4.34 บาท/ลิตร ลงได้ 2.30 บาท/ลิตร ทำให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มลดลงได้ 2.30 บาท/ลิตร และถ้าลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นได้อีกลิตรละ 2.57 บาท เท่ากับลดราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 95 ได้เกือบ 5 บาท/ลิตรทีเดียว
จึงขอเรียกร้องท่านพีระพันธ์โปรดกล้าๆใช้อำนาจในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจัดการปรับลดค่าการกลั่น ค่าการตลาดให้เหมาะสมโดยรวดเร็ว เพื่อลดราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซินแก๊สโซฮอล์ลงมาอย่างที่ท่านคุยนักหนาว่าจะทำการ รื้อ ลด ปลด สร้าง
ประชาชนขอบอก “เก่งไม่กลัว กลัวช้า”