เปิดวิสัยทัศน์ "นิทัศน์" ซีอีโอ ราช กรุ๊ป ทุ่มลงทุน 1.5 หมื่นล้านปี 67

28 พ.ค. 2567 | 07:42 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ค. 2567 | 07:42 น.

เปิดวิสัยทัศน์ "นิทัศน์" ซีอีโอ ราช กรุ๊ป ทุ่มลงทุน 1.5 หมื่นล้านปี 67 ตั้งเป้าพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าปี 2567-2573 เพิ่มขึ้นปีละ 700 เมกะวัตต์ เผยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาหลายโครงการ 

นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 67 บริษัทจัดสรรงบลงทุน 15,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าปี 2567-2573 เพิ่มขึ้นปีละ 700 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาหลายโครงการ 

โดยคาดว่าจะมีความชัดเจน 6 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณ 550 เมกะวัตต์ เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เป็นเชื้อเพลิงหลัก 1 โครงการ และเป็นโครงการพลังงานทดแทน 5 โครงการ 

สำหรับภาพรวมการลงทุนปี 2567-2573 บริษัทยังคงมีแผนลงทุนเชื้อเพลิงหลักในประเทศ 70% เน้นก๊าซธรรมชาติที่ยังได้รับการยอมรับในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด และตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทดแทนไม่น้อยกว่า 30% ในปี 2573 จากปัจจุบันอยู่ที่ 26% โดยเฉพาะการลงทุนในประเทศไทย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์

ซึ่งบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและก่อสร้าง 1,809.96 เมกะวัตต์ คิดเป็น 17% ของกำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นที่ลงทุนแล้วรวม 10,817.96 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 9,007.29 เมกะวัตต์ คิดเป็น 83% 

แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ลงทุนในต่างประเทศ 5,342.95 เมกะวัตต์ คิดเป็น 49% และลงทุนในไทย 5,474.30 เมกะวัตต์ คิดเป็น 51% ของกำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นที่ลงทุน

ส่วนธุรกิจเพิ่มมูลค่า (นอน พาวเวอร์) บริษัทจะขยายการลงทุนครอบคลุมทั้งห่วงโซ่ทั้งระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โลจิสติกส์ เช่นเดียวกับธุรกิจบริการสุขภาพ เทคโนโลยี/นวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและระบบดักจับ กักเก็บคาร์บอน รวมทั้งเพิ่มน้ำหนักกับเชื้อเพลิงในอนาคต โดยเฉพาะไฮโดรเจน ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ธุรกิจกลุ่มนี้ 5% ในปี 2570

อย่างไรก็ดี ราช กรุ๊ป ประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 ภายใต้แนวคิด ทำแล้ว ทำต่อ ทำให้ดีขึ้น ตามภารกิจ 5 ด้าน ประกอบด้วย 

  • กลยุทธ์ธุรกิจทั้งธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และธุรกิจนอกภาคผลิตไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถสร้างมูลค่าและคุณค่าระยะยาว ทั้งยังรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง 
  • การลงทุนที่เน้นสร้างความสมดุลระหว่างการเข้าซื้อกิจการที่ดำเนินการแล้ว และการพัฒนาโครงการใหม่ เพื่อรักษากระแสเงินสดและอัตราผลตอบแทนให้เหมาะสม
  • บริหารสินทรัพย์ โดยให้ความสำคัญกับโรงไฟฟ้าเพื่อให้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่มีความมั่นคงเชื่อถือได้สำหรับประเทศและลูกค้า สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ 
  • บริหารการเงินรองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 
  • บริหารทรัพยากรบุคคล ด้วยการเสริมและพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับธุรกิจในอนาคต ตามแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

“ราช กรุ๊ป ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 และได้วางแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไว้ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานเพื่อลดปริมาณความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 15% เทียบกับปีฐาน 2558 การเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทดแทนและธุรกิจสีเขียวให้ได้ 30% ของกำลังการผลิตรวม และการชดเชยหรือดูดกลับคาร์บอนเพิ่มให้ได้ 1% ของปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศไทย”