นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 67 บริษัทจัดสรรงบลงทุน 15,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าปี 2567-2573 เพิ่มขึ้นปีละ 700 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาหลายโครงการ
โดยคาดว่าจะมีความชัดเจน 6 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณ 550 เมกะวัตต์ เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เป็นเชื้อเพลิงหลัก 1 โครงการ และเป็นโครงการพลังงานทดแทน 5 โครงการ
สำหรับภาพรวมการลงทุนปี 2567-2573 บริษัทยังคงมีแผนลงทุนเชื้อเพลิงหลักในประเทศ 70% เน้นก๊าซธรรมชาติที่ยังได้รับการยอมรับในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด และตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทดแทนไม่น้อยกว่า 30% ในปี 2573 จากปัจจุบันอยู่ที่ 26% โดยเฉพาะการลงทุนในประเทศไทย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์
ซึ่งบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและก่อสร้าง 1,809.96 เมกะวัตต์ คิดเป็น 17% ของกำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นที่ลงทุนแล้วรวม 10,817.96 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 9,007.29 เมกะวัตต์ คิดเป็น 83%
แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ลงทุนในต่างประเทศ 5,342.95 เมกะวัตต์ คิดเป็น 49% และลงทุนในไทย 5,474.30 เมกะวัตต์ คิดเป็น 51% ของกำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นที่ลงทุน
ส่วนธุรกิจเพิ่มมูลค่า (นอน พาวเวอร์) บริษัทจะขยายการลงทุนครอบคลุมทั้งห่วงโซ่ทั้งระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โลจิสติกส์ เช่นเดียวกับธุรกิจบริการสุขภาพ เทคโนโลยี/นวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและระบบดักจับ กักเก็บคาร์บอน รวมทั้งเพิ่มน้ำหนักกับเชื้อเพลิงในอนาคต โดยเฉพาะไฮโดรเจน ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ธุรกิจกลุ่มนี้ 5% ในปี 2570
อย่างไรก็ดี ราช กรุ๊ป ประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 ภายใต้แนวคิด ทำแล้ว ทำต่อ ทำให้ดีขึ้น ตามภารกิจ 5 ด้าน ประกอบด้วย
“ราช กรุ๊ป ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 และได้วางแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไว้ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานเพื่อลดปริมาณความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 15% เทียบกับปีฐาน 2558 การเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทดแทนและธุรกิจสีเขียวให้ได้ 30% ของกำลังการผลิตรวม และการชดเชยหรือดูดกลับคาร์บอนเพิ่มให้ได้ 1% ของปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศไทย”