"พีระพันธุ์" จ่อยุบพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ รุกร่างกฎหมายใหม่คุมราคาน้ำมัน

24 ก.ค. 2567 | 08:23 น.
อัพเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2567 | 08:23 น.

"พีระพันธุ์" จ่อยุบพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ รุกร่างกฎหมายใหม่คุมราคาน้ำมัน เผยปัจจุบันกฎหมายเสร็จเรียบร้อย รอเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร คาดจะสามารถบังคับใช้ได้หลังปีใหม่

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่ากล่าวว่า กระทรวงพลังงานกำลังดำเนินการร่างกฎหมายฉบับใหม่เพื่อเข้ามาบริหารจัดการโครงสร้างราคาน้ำมันทั้งระบบ โดยปัจจุบันกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร 

ทั้งนี้ คาดว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวนี้จะสามารถบังคับใช้ได้หลังปีใหม่ โดยเป็นกฎหมายที่จะนำมาใช้แทนพ.ร.บกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
 

"หลังจากมีการยกร่างกฎหมายแล้วจะต้องยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันฯฉบับปัจจุบัน เพราะพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯจะถูกนำไปรวมไว้ในกฎหมายฉบับใหม่"

"พีระพันธุ์" จ่อยุบพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ รุกร่างกฎหมายใหม่คุมราคาน้ำมัน

สำหรับเหตุผลที่ต้องเป็นเช่นนั้นเพราะเดิมทีกฎหมายดังกล่าว มีแต่เรื่องกองทุนแต่ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องกองทุนน้ำมัน แต่มีปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน ขึ้นลงทุกวัน ต่อไปทุกคนจะต้องช่วยกันวางระบบใหม่ โดยกฎหมายใหม่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ และจะออกมาในรูปส่วนพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาต้องดูสถานการณ์ก่อน

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาโครงสร้างราคาพลังงานของไทย เกิดจากกฎหมายที่กระทรวงพลังงานไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการอย่างเต็มที่ กฎหมายที่มีอยู่อย่าง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่เพียงพอในการบริหารราคาน้ำมันที่เป็นธรรมกับประชาชน อาทิ ประเด็นภาษีที่ประชาชนโดนเรียกเก็บซับซ้อน ทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีท้องถิ่น ขณะที่เนื้อน้ำมันราคาต้นทุนจริงอยู่ที่ระดับ 21 บาทต่อลิตรเท่านั้น กระทรวงพลังงานจึงร่างกฎหมายฉบับใหม่ดังกล่าว
 

อย่างไรก็ดี ยืนยันว่ากฎหมายบริหารโครงสร้างราคาน้ำมันฉบับนี้ จะมีความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน กลไกลยังคงเป็นการค้าเสรี แต่จะมีกรอบควบคุมด้านราคา กำหนดเพดานภาษี ความจำเป็นในการผสมแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลที่อดีตราคาถูก แต่ปัจจุบันราคาอยู่ในระดับสูง และใช้เงินกองทุนฯบริหารจัดการ โดยมีกระทรวงพลังงานเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด 

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง โดยจะมีการหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหาข้อสรุปด้านภาษี ควบคู่ไปกับการออกกฎหมายฉบับใหม่ต่อไป