“พลังงาน” หนุนติดตั้งระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ยกระดับสินค้าชุมชน

26 ส.ค. 2567 | 05:29 น.
อัพเดตล่าสุด :26 ส.ค. 2567 | 05:29 น.

“พลังงาน” หนุนติดตั้งระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ยกระดับสินค้าชุมชน เผยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 30 % ให้ชุมชนบ้านห้วยไห จ.นครพนมจากงบกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

นางสาวมัณฑนา ฟูกุล พลังงานจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน โดยการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้ดำเนินการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น และช่วยลดต้นทุน

ทั้งนี้ ได้ใช้งบประมาณ739,658 บาท ติดตั้งระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 8×20.80 เมตร ให้กับโครงการวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรบ้านห้วยไห

เพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวที่มีการตากแห้ง ซึ่งการตากในรูปแบบเดิมมีพื้นที่ไม่เพียงพอ และผลิตสินค้าไม่ทันกับความต้องการของตลาด
 

สำหรับการอบแห้งส่วนใหญ่จะใช้วิธีการตากแดดตามธรรมชาติ ซี่งใช้พื้นที่มาก อีกทั้งยังทำให้ผลิตภัณฑ์แห้งที่ได้มีการปนเปื้อนจากการรบกวนของแมลง ฝุ่นละออง และการเปียกฝน มีผลทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน

“พลังงาน” หนุนติดตั้งระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ยกระดับสินค้าชุมชน

อย่างไรก็ดี เมื่อชุมชนได้นำระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ ช่วยเพิ่มผลผลิตจากเดิมที่ผลิตได้เพียงข้าวฮางงอก ข้าวกล้องงอก และข้าวหอมมะลิ แต่ปัจจุบัน มีการทำข้าวฮางบด กล้วยตาก สับปะรดแช่อิ่มอบแห้ง 

และผลิตภัณฑ์อื่นทำให้สินค้ามีมาตรฐาน ทำให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวได้หลากหลายขึ้น ทำให้สมาชิกไม่ต้องขายข้าวเปลือกธรรมดา มีการประกันราคาข้าวในแต่ละปีให้กับสมาชิกอีกด้วย 
 

นางสาวมัณฑนา กล่าวอีกว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวบ้านห้วยไห ได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรบ้านห้วยไหในปี พ.ศ.2558 โดยมีสมาชิกจำนวน 12 คน 

โดยนางนิ่มอนงค์ แก้วไพศาล ประธานกลุ่มฯ ได้หาวิธีเพิ่มรายได้เพิ่มจากการปลูกข้าวอินทรีย์และแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว เช่น ข้าวกล้อง ข้าวฮางงอก และข้าวฮางงอกบด ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 30% 

“พลังงาน” หนุนติดตั้งระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ยกระดับสินค้าชุมชน

อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้ขยายกลุ่มโดยการตั้งกลุ่มแปลงใหญ่ขึ้นในปี พ.ศ. 2561 ภายใต้ชื่อนาแปลงใหญ่บ้านห้วยไห ตำบลบ้านค้อ มีสมาชิก 53 คน ซึ่งทำการปลูกข้าวอินทรีย์ทั้งหมด 939 ไร่ 

หลังจากได้มีการจัดตั้งบริษัท เพชรไพศาลค่ำคูณ เพื่อรองรับและซื้อข้าวอินทรีย์จากสมาชิกกลุ่มมาแปรรูป และหาช่องทางการตลาดโดยการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ เช่น สับปะรดแช่อิ่มอบแห้ง กล้วยตาก เป็นต้น