นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงประเด็นสงครามตะวันออกกลางขยายวงกว้างมากขึ้นจากการที่อิสราเอลถล่มเลบานอน ว่า น่าจะมีผลทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ดี มองว่าราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคงจะไม่มากเท่ากับตอนที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเรียนว่าปัจจัยทั้ง 2 ส่วนดังกล่าวมีผลทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าประเด็นเรื่องสงครามในตะวันออกกลางน่าจะสามารถมีการตกลงกันได้ในที่สุด แต่ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือ การที่เฟดปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าว ซึ่งมีผลอย่างมากต่อราคาน้ำมัน
อีกทั้ง ยังมีผลมีถึงประเทศไทยเห็นได้จากการให้สัมภาาณ์ของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งระบุว่าเฟดลดดอกเบี้ย แต่ธปท. หรือคณะกรรมการนโนยบายการเงิน (กนง.) ไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดตาม เพียงแต่จะต้องนำมาเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งที่กำลังจะเข้ามามีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกก็คือ การที่กำลังจะเข้าฤดูหนาว ซึ่งจะมีผลทำให้ทิศทางราคาน้ำมันเป็นขาขึ้น หากไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจของจีนเข้ามาช่วย
"ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนหากออกมาไม่ดี จะเป็นปัจจัยที่สามารถฉุดให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงมาได้ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่มีผลน้อยกว่าจีน"
นายพรชัย กล่าวต่อไปอีกว่า คาดการณ์ราคาน้ำมันตลากโลกในระยะต่อไปในส่วนของดีเซลน่าจะอยู่ที่ประมาณ 80-90 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบน่าจะอยู่ที่ประมาณ 80 เหรียญฯต่อบาร์เรล